การเป็นเจ้านายตัวเอง เป็นเจ้าของกิจการ ในแบบที่หลายคนใฝ่ฝันนั้น ต้องมีการวางแผน และเตรียมตัวอย่างดี ไม่เช่นนั้นก็ยากจะประสบความสำเร็จ หรือไม่สามารถทำงานส่วนตัวได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะแท้จริงแล้ว การเป็นเจ้านายตัวเอง ทำงานส่วนตัวนั้นยากมาก ที่จะประสบความสำเร็จ หรือแม้จะประสบความสำเร็จแต่ก็ยังยากที่จะอยู่อย่างมั่นคง ในระยะยาว

 

แนวทางฝึกฝนตัวเองและเตรียมตัวเป็นเจ้านายตัวเองแบบต่างๆ

สำหรับผู้ที่คิดจะทำกิจการส่วนตัว เป็นเจ้านายตัวเอง หากต้องการความมั่นคงในการงานในระยะยาว การฝึกตัวเองหลายๆ ด้าน เช่น

 

ต้องมีสินค้าหรือบริการของตัวเองเป็นอันดับแรก

การมีสินค้าหรือบริการเป็นของตัวเองจะเป็นตัวชี้วัดถึงโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างดีที่สุด จึงต้องพยายามสร้างสินค้าหรือเตรียมบริการของตนเองให้พร้อมก่อนจะออกมาทำอาชีพส่วนตัว เพราะสินค้าหรือบริการจะเป็นเหมือนตัวแทนที่จะช่วยเราทำงาน ในเวลาที่เราต้องการพักบ้าง การผลิตสินค้าของตัวเองหลายๆ แบบ ให้มีช่องทางสร้างรายได้ที่หลากหลาย อย่าเน้นการทำงานส่วนตัว ในลักษณะการรับงานจากคนอื่นมาทำ รับสินค้าจากคนอื่นมาขาย เพราะจะไม่มีเวลาได้หยุดพัก ต้องทำตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นคู่แข่งก็เบียดกระเด็น การไม่มีสินค้าเป็นของตนเอง หยุดเมื่อไร รายได้ก็หายไปทันที

 

สร้างฐานลูกค้าไว้สร้างรายได้

ก่อนจะออกมาทำงานส่วนตัว เป็นเจ้านายตนเอง ควรหาทางสร้างฐานลูกค้าไว้ก่อน ซึ่งปัจจุบันมีหลายช่องทาง เช่น การทำ Facebook Fanpage ทำ เว็บไซต์ ทำบล็อก ทำช่อง Youtube ฯลฯ ให้มีผู้ติดตามจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาที่ต้องการทำสินค้า หรือบริการ เพื่อสร้างรายได้ บรรดาแฟนคลับเหล่านี้ อาจจะเป็นลูกค้า ที่ช่วยอุดหนุนให้อยู่อย่างมั่นคงในเรื่องรายรับ

 

ศึกษาเรื่องภาษีและการบริหารเงิน

เรื่องภาษีและการบริหารเงินค่อนข้างสำคัญ เมื่อมีรายรับแล้ว ต้องศึกษาการนำเงินไปบริหาร ต่อยอดสร้างรายได้หลายๆ ทาง ป้องกันความเสี่ยงจาก การมีรายรับแค่เพียงทางเดียว เช่น ศึกษาการเล่นหุ้น การลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ มีเงิน 100,000 บาท ฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยปีละ ไม่กี่ร้อย บาท แต่หากเอาไปดาวน์คอนโดให้เช่า จะมีรายได้มากกว่านั้น เป็นต้น นี่คือหลักการบริการเงินที่จะช่วยให้มีรายรับเพิ่มมากขึ้น เป็นการใช้เงินช่วยสร้างรายได้ให้อีกทาง

 

ฝึกความมีระเบียบวินัยในการทำงานและชีวิต

การเป็นเจ้านายตัวเอง ทำงานส่วนตัวจะไม่มีใครมาบังคับ ความมีระเบียบวินัยในชีวิต ในการทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่เช่นนั้น อาจจะต้องกลับไปเป็นพนักงานเหมือนเดิมในเวลาไม่นาน หรือแม้จะยังทำงานส่วนตัว ก็ยากจะรุ่ง หรือประกอบกิจการให้เจริญก้าวหน้าหากไม่มีวินัยด้านการเงินด้วยแล้ว ก็เหมือนทำงานไปวันๆ ไม่มีความมั่นคงในชีวิต

 

ฝึกการทำงานให้เป็นระบบ ระเบียบ

เราอาจจะเห็นรูปโฆษณาในหน้าปกหนังสือ อินเตอร์เน็ต เว็บไซต์หรือคอร์สสัมมนา เกี่ยวกับการทำอาชีพส่วนตัว เป็นรูปภาพการนั่งทำงานตามร้าน กาแฟ บ้าง รีสอร์ต ชายทะเล ฯลฯ ดูแล้ว ให้ความรู้สึกที่ดูดีมาก ช่างเป็นบรรยากาศการทำงาน หรือการมีชีวิตที่น่าอิจฉา เป็นการสร้างแรงจูงใจที่ดี แต่ชีวิตการทำงานส่วนตัวจริงๆ หากทำแบบนั้น พังแน่นอน เพราะจะทำให้คุณทำงานอย่างไม่มีระบบระเบียบ และก็จะไม่ได้งาน

 

การทำแบบนั้น ควรเป็นการไปพักผ่อนสบายๆ แล้วถ่ายภาพมาโชว์ให้คนอิจฉา แต่การทำงานจริง ต้องฝึกการทำงาน จัดสถานที่ทำงานให้เป็นหลักเป็นแหล่ง เป็นระบบระเบียบ ที่เดียว จุดเดียว อย่าย้ายงานไปทำที่อื่น เมื่อทุกอย่างอยู่ในระบบ อยู่ในที่ของมัน ความคิดก็จะต่อเนื่อง กำลังทำอะไรอยู่บ้าง จะเชื่อมถึงกันหมด แค่กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม ความคิดก็ปะติดปะต่อกันเหมือนเสียบปลั๊กส่งข้อมูลเข้าสมอง งานเดินมากกว่าการไปนั่งทำงานตามชายหาดบ้าง ร้านกาแฟบ้าง ผับ เธค ร้านอาหาร ฯลฯ

 

เปลี่ยนวิธีคิดจากลูกจ้างเป็นนายจ้าง

การเป็นนายจ้าง ต้องคิดหาช่องทางทำเงินทุกทางที่ทำได้ อย่าไปคิดว่า คุ้มไม่คุ้ม เหมือนการคิดแบบพนักงาน เช่น บริษัทนี้ให้สวัสดิการเท่านั้น เท่านี้ ไม่คุ้มไม่เอา ไม่ทำ แต่การเป็นเจ้านายตัวเองคิดแบบนั้นไม่ได้ อย่างร้านขายอาหาร บางร้าน คิดค่าน้ำแก้วละ 1 บาท หากเป็นน้ำผลไม้ อาจจะแก้วละ 5 -10 บาท หากได้กำไรแก้วละ 2-3 บาท ในแต่ละเดือนก็ทำเงินให้มากทีเดียว

 

ในเรื่องรายได้จะต้องคิดหาช่องทางทำเงินให้ครอบคลุมมากที่สุด คิดเล็ก คิดน้อย คิดให้ละเอียดรอบรอบ เพราะรายรับ รายได้ไม่แน่นอน อะไรที่ทำเงินได้ ต้องทำ ต้องลุย อย่าไปคิดว่า คุ้มไม่คุ้ม กับเวลาที่เสียไป หรือกับแรงที่ลงไป ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่รอด หลายคนมองว่างานนี้รายได้น้อย ไม่ทำ แต่ไปมุ่งงานที่มีรายได้มาก หากพลาดก็จะพากันพังไปทั้งหมด

 

เปลี่ยนวิธีทำงานจากลูกจ้างเป็นนายจ้าง

การทำงานแบบลูกจ้างก็คือ ไปเช้าเย็นกลับ เวลาทำงานต่อวัน 8 ชั่วโมง แต่ทำงานจริงๆ 5 ชั่วโมง ที่เหลือ อ่านข่าวบ้าง จิบกาแฟ คุยกัน พัก ฯลฯ แต่ การเป็นนายจริง ต้องใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ทุ่มเทมากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากเท่านั้น และพยายามที่จะจัดแบ่งเวลา หรือจัดระบบ ระเบียบในการทำงานให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้เหลือเวลาทำงานจริงๆ แค่ ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน แต่ประสิทธิภาพของงานที่ได้นั้น ยิ่งกว่าการเป็นพนักงานหลายเท่า ใช้เวลาให้น้อยที่สุด แต่ทำเงินให้ได้มากที่สุดนั่นเอง คุ้มค่าที่สุดนั่นเอง

 

ฝึกการทำงานหนักสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง

การทำงานหนัก ทำงานยาก ทำงานใหญ่ ให้ประสบความสำเร็จจะช่วยให้เป็นคนที่อึด ถึก ทน และมองได้รอบด้าน เพราะการทำงานส่วนตัวนั้น ใช่จะประสบความสำเร็จกันทุกคน บางคนใช้เวลาหลายปี เป็นสิบปี กว่าจะมีเงินหลายล้าน มีสมบัติ มีความมั่นคงในชีวิต หากปราศจากจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่ท้อถอย อดทน และสู้งานแล้ว ก็ยากจะสำเร็จ หลายคนที่ออกจากงานประจำมาทำส่วนตัว จิตใจไม่แข็งแกร่งพอ เลิกกลางคัน ก็ยากจะประสบความสำเร็จ

 

ใช้บริการฟรีแลนซ์แทนการจ้างพนักงาน

ฟรีแลนซ์เป็นผู้ให้บริการทำงานต่างๆ ตามคำสั่ง และจ่ายค่าบริการเป็นครั้งคราวไป ไม่ต้องไปรับผิดชอบชีวิตของคนเหล่านี้ ต่างจากการจัางพนักงาน จะต้องรับผิดชอบเรื่องประกันสังคม และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เป็นภาระในเครื่องค่าใช้จ่าย บริการฟรีแลนซ์มีมากมายหลายแบบ ให้เลือก เช่น ทำวิดีโอลง Youtube แต่ไม่รู้จะทำเรื่องอะไร ก็จ้างคนเขียนบท จ้างคนพูดบรรยาย จ้างคนถ่ายวิดีโอเป็นครั้งคราว เป็นต้น

 

จัดการบริหารงานให้เป็นระบบลดภาระในการดูแล

เมื่องานเริ่มอยู่ตัว การจัดการบริหารงานให้เป็นระบบจะช่วยลดภาระในการดูแล บริการ เช่น การขายสินค้าผ่านเน็ต ผ่านเฟสบุ๊ค บางคนจะจ้างพนักงานดูแลลุกค้า ตอบคำถาม แชทไลน์ ฝ่ายรับออเดอร์ลูกค้า ฝ่ายจัดส่งสินค้า ฝ่ายทำการตลาด โดยเป็นการจ้างคนนอกทั้งหมด ซึ่งนิยมจ้างฟรีแลนซ์คนทำงานอิสระในเน็ต บางคนได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย แต่กิจการก็สามารถไปได้ด้วยดี เพราะระบบถูกจัดวางไว้ดีแล้ว จึงมีเวลาไปทำธุรกิจอื่น อาจจะคอยเข้ามาตรวจสอบการทำงานบ้างเป็นบางครั้ง

 

เตรียมรับมือกับคำพูดของคนรอบข้าง และสถานะทางสังคม

การทำงานส่วนตัว เป็นเจ้านายตัวเอง ชีวิตอาจจะดูน่าอิจฉา อยากจะตื่นนอน ทำอะไรตอนไหนอย่างไรก็ทำได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลายคนก็ไม่ได้ยอมรับชีวิตแบบนี้ หากกิจการไม่รุ่งโรจน์ใหญ่โต ร่ำรวยจริงๆ เพราะผู้คนในสังคม ยังให้ความสำคัญกับการมีตำแหน่ง มีสถานะทางสังคม พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดสด มีรายได้เดือนละแสน แต่คนอาจให้เกียรติน้อยกว่าคนทำงานเป็นข้าราชการ เงินเดือนไม่ถึงหมื่น หากไม่ร่ำรวยจริงๆ ก็ยากจะได้รับความนับหน้าถือตา ในบางครอบครัวพ่อแม่ที่อยากจะให้ลูกหลานเป็นข้าราชการหรืองานอื่นที่ดูมีชื่อเสียง นี่คือเรื่องปวดหัวที่จะต้องเตรียมรับมือ

 

การเตรียมตัวและศึกษาแนวทางของคนที่ประสบความสำเร็จ ศึกษาการวางตัวในสังคมเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเรียนรู้เช่นกัน เพราะเราต้องอยู่ในสังคม ต้องเจอะเจอผู้คน ต้องเจอคำถาม คำพูดสารพัดจากคนรอบตัว จะว่าไปก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่หากได้ยินบ่อยๆ อาจจะทำให้เสียสมาธิในการทำงาน

 

การเลือกคู่ครอง ที่เกื้อหนุนกัน

หากต้องทำงานส่วนตัวอย่างโดดเดี่ยว ดูจะรอดยาก เรื่องงานไม่เท่าไหร่ แต่การต่อสู้กับความเหงานั้นหนักหนาสาหัสมากที่สุด การเลือกคู่ครอง การมีชีวิตคู่ จะช่วยให้มีกำลังใจสู้ แต่การเลือกคู่ที่ไม่ได้มาช่วยกันทำมาหากินแต่มาช่วยกินอย่างเดียว จะทำให้มีปัญหาตามมา รบกวนสมาธิในการทำงาน อาจจะทำ ให้ชีวิตการงานล้มเหลวในที่สุด การเลือกคู่นั้นสำคัญ อย่าเลือกเพราะความเหงา คิดให้รอบคอบถึงผลที่จะตามมา หากเลือกคนผิด ชีวิต การงานพังได้ทันที

 

สมาชิกในครอบครัวช่วยต่อยอดทำธุรกิจ

หากมีสมาชิกในครอบครัว ก็ควรหาทางให้ช่วยกันทำงานเพื่อต่อยอดทางธุรกิข ต้องระวังเรื่องการนำเงินจากธุรกิจตัวเองไปช่วยเหลือคนให้ครอบครัวแบบให้เปล่า เพราะนี่คือการใช้งานแบบผิดๆ เงินที่ได้จากกิจการต้องเผื่อไว้สำหรับขยายกิจการหรือเผื่อเกิดปัญหาในเรื่องงาน เรื่องรายได้ พยายามดึงคนในครอบครัวให้มาช่วยกันสร้างรายได้ เพราะการให้เงินที่ง่ายเกินไป มักจะไม่เห็นค่าและใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

 

เตรียมรับมือกับความโดดเดี่ยว

การทำงานส่วนตัว สังคมจะเริ่มหายไป เพราะเพื่อนฝูงอาจจะไม่ว่างที่จะเจอะเจอ หรือตำแหน่งหน้าที่การงานอาจจะทำให้ต้องห่างเหินกัน สุดท้าย อาจจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จึงต้องเตรียมตัวรับมือ ทางออกที่จะช่วยได้ มีหลายช่องทางเช่น การเข้าหาสังคมที่สนใจเรื่องเดียวกัน เป็นเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ สนใจเรื่องเดียวกัน ทำธุรกิจแบบเดียวกัน จะได้มีเพื่อนคุย ปรึกษาปัญหา และไม่โดดเดี่ยวจนเกินไปนัก เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อที่จะก้าวข้ามไปให้ได้

 

เข้าหาธรรมะฝึกสมาธิ หมั่นทำบุญ

เรื่องนี้สำคัญ แต่หลายคนอาจไม่เชื่อ และไม่สนใจ การทำงานใดๆ หรือทำธุรกิจให้เจริญก้าวหน้า การหมั่นทำบุญ ฝึกสมาธิ ฟังธรรมะ มีส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จ เป็นกุศลที่เกื้อหนุนเราได้อย่างเหลือเชื่อ อีกทั้งผลจากการปฏิบัติดีจะทำให้มีจิตใจที่สงบ มีสมาธิ และปล่อยวาง ทำงานได้ดีกว่าคนที่มีแต่ความมุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ เพราะคนเรานั้น ไม่ใช่ทุกคนจะถูกลิขิตมาให้เป็นเศรษฐี มีเงิน การฟังธรรมะ ฝึกสมาธิ ทำบุญ จะช่วยให้ปล่อยวางได้ และไม่ประมาท สุดท้ายก็จะร่ำรวย และมีความสุข เพราะความสุขของมนุษย์เรานั้น มีเงินเป็นแสน เป็นล้าน ก็ซื้อความสุขจริงๆ ไม่ได้ ที่เราคิดไปเองว่าซื้อได้นั้น เป็นการหลอกตัวเองเท่านั้น การที่วัตถุนั้นๆ มาคั่นเวลา ทำให้เรานึกเอาเองว่า ชีวิตมีความสุข จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะสักพักความสุขจอมปลอมแบบนี้ก็จะหายไป

 

จุดหมายปลายทางสุดท้ายของการเป็นเจ้านายตัวเอง

ในมุมมองส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนมองว่า การเป็นเจ้านายตนเอง เมื่อบริหารจัดการการทำงาน ตลอดจนรายรับอย่างดีแล้ว ชีวิตก็จะมีเวลาว่างมากขึ้น และใช้เวลาว่างเหล่านั้นทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และสังคม ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพราะสมบัติที่หามาได้นั้น ตายไปแล้วเอาติดตัวไปไม่ได้ แต่บุญกุศลที่ได้ทำจะติดตัวเราไปเอง จากโลกนี้ไป ก็ยังมีบุญให้ใช้ ไปเกิดในภพที่ดี

 

การเป็นเจ้านายตัวเองจึงไม่ง่ายและต้องเตรียมตัวหลายด้านดังที่ได้กล่าวไป อีกทั้งต้องทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีการเงินที่มั่นคงเพียงพอกับการดำรงชีพในชาตินี้ แต่ความท้าทายนั้นอยู่ที่ทางลัดในการสร้างความมั่นคงให้ชีวิต การทำงานอิสระมีโอกาสมากกว่าการเป็นพนักงาน บางคน 30 กว่าๆ ก็เกษียณตัวเอง ไม่ทำงานแล้ว แต่พนักงานยังต้องทำงานไปอีกหลายสิบปี