ความชอบของคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ไม่ควรใช้กับการทำอาชีพอิสระ เดี๋ยวจะขายสินค้าตัวนั้น ตัวนี้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะขาดความรู้ ความชำนาญ เสียเวลา เสียเงินเปล่าๆ และสุดท้ายก็มักจะไปไม่รอด

 

หลายคนอยากทำอาชีพอิสระ เพราะเห็นว่าบางคนทำแล้วรวย ก็อยากจะทำบ้าง ประกอบกับหนังสือ คอร์ส สอนเรื่องความรวย ก็ พาเหรดกันออกมามากเหลือเกิน ทำให้หลายคนเปลี่ยนแนวทางบ่อยๆ อะไรที่กำลังได้รับความนิยมก็อยากจะทำบ้าง การเปลี่ยนแนว ทางบ่อยๆ สำหรับการทำงานส่วนตัวแล้ว ไม่ใช่เรื่องดี เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ จะมีผลเสียตามมามาก

 

ตัวอย่างผลเสียในด้านต่างๆ ของการเปลี่ยนแนวทางทำอาชีพบ่อยๆ

เสียเงิน

การเริ่มธุรกิจใหม่ๆ จะต้องมีทุน จะต้องใช้เงินลงทุน หากเริ่มธุรกิจใหม่แล้วไม่ประสบความสำเร็จก็จะเสียเงินโดยไม่ได้ผลกำไรตอบ แทน เงินทุนก็พลอยร่อยหรอลงไปด้วย

 

เสียเวลา

หากเปลี่ยนแนวทางทำมาค้าขายบ่อยๆ จะทำให้ชีวิตเสียเวลา บางรายเปิดขายของครอบจักรวาล ขายทุกอย่าง ทำอาหารทุกแนว ไม่ เพียงเสียเวลา แต่ยังเสียเงินซื้อของหลายอย่าง หากขายไม่หมด ก็จะเสียเงินเปล่า อย่างการทำอาหาร ซึ่งมีระยะเวลาในการเก็บ การทำ ธุรกิจใดๆ ก็ตาม ไม่ใช่จะสามารถประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาสั้นๆ เหมือนที่หนังสือหรือคอร์สต่างๆ แนะนำ ต้องใช้เวลาลองผิด ลองถูกนานพอสมควร นอกเสียจากจะมีพื้นฐานที่ดี

 

เสียโอกาสดีๆ

โอกาสดีๆ ไม่ได้เข้ามาในชีวิตบ่อยนัก บางช่วงอาจจะมีคนส่งเสริม มีทุนให้ยืมโดยไม่มีดอกเบี้ย หรือมีโอกาสที่ดีมาก แต่การจับ ธุรกิจผิดประเภท หรือหลากหลายเกินไป หรือเปลี่ยนแนวทางบ่อยเกินไป ก็จะทำให้เสียโอกาส เด็กบางคนพ่อแม่มีทุนให้ อยากจะทำ อะไร ก็ทำเพราะแค่ชอบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ งานเริ่มหนักก็ไม่สู้ เพราะไม่ได้สนุกอย่างที่คิด สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการ โอกาสในชีวิตไม่ได้ มาบ่อยๆ หากผ่านไปแล้ว อาจจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะมีโอกาสอีกสักครั้ง

 

คู่แข่งแซงไปข้างหน้าไม่เห็นฝุ่น

เมื่อเปลี่ยนแนวธุรกิจบ่อยๆ บางคนทำแบบนั้น เพราะอยากฉีกแนว ไม่อยากให้ใครตาม หรือตามใคร แต่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นแบบนั้น แนวใดก็ตามที่ได้รับความนิยม ก็จะมีคนเลียนแบบ บางคนพอเริ่มมีคนทำตามกันมาก ก็จะหยุดและหาสินค้าตัวอื่นมาขาย การเปลี่ยน แนวทางบ่อยๆ สุดท้ายจะสู้คนที่เลือกด้านเดียว อย่างเดียว และทำให้ดีที่สุด เมื่อเกิดความรู้ความเชี่ยวชาญแล้ว ก็ยากที่จะล้มได้ง่ายๆ การเปลี่ยนแนวทางบ่อยๆ ก็ทำให้คู่แข่งไปไกล และยากจะสู้ได้ การที่จะต้องหาแนวทางใหม่ๆ อยู่บ่อยๆ นั้นเหนื่อยมาก เสียเวลา มาก

 

ขาดความชำนาญ ขาดความรู้ ขาดประสบการณ์

ความรู้ ประสบการณ์ ความชำนาญในการทำงานแต่ละประเภทเป็นสิ่งสำคัญ ประสบการณ์ในการทำงาน จะช่วยให้สามารถแก้ ปัญหาและเอาตัวรอดในสถานการณ์แย่ๆ ที่เกิดกับงานได้ เพราะงานทุกประเภท มีขึ้นมีลง ช่วงที่เป็นขาลงนั้น ประสบการณ์การผ่าน เรื่องลำบาก ล้มลุกคุกคลานกับการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน ก็จะมองภาพรวมออก รู้ว่าจะต้องเอาตัวรอดอย่างไร แต่คนที่ไม่เคยล้ม ไม่ เคยผิดพลาด จะไม่มีทางออกออก การทำงานด้านหนึ่งด้านใดมาอย่างยาวนาน ย่อมจะมีความรู้รอบตัว ทั้งความสำเร็จ และความผิด พลาด การเรียนรู้ในด้านต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องเรียนรู้หลายด้าน ไม่ใช่ศึกษาแต่ความสำเร็จด้านเดียว

 

ทุกวันนี้มีธุรกิจเกิดขึ้นมากมายหลายประเภท และอาจจะทำให้เกิดความสับสน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จะทำแบบนั้น แบบนี้ สิ่งสำคัญ มากก็คือ จะต้องรู้ผลดี ผลเสียที่จะตามมากับการเปลี่ยนแนวทางบ่อยๆ ปัจจุบันผู้คนเยอะกว่าเดิม แม้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่ก็มีโอกาส รวยได้ หากปังในข้ามคืน ก็รวยในข้ามคืนได้เช่นกัน หลายคนจึงเปลี่ยนแนวทางบ่อยๆ หวังจะโชคดีบ้าง แต่หากต้องการความสำเร็จ ระยะยาวแล้ว ต้องเลือกสักทาง ทำอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความชำนาญ จึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้

 

การเปลี่ยนงานบ่อย อาจจะเป็นเรื่องดี หากทำงานเป็นพนักงาน หลายคนทำแบบนั้น เพราะเป็นการอัพเกรดเงินเดือน เมื่อเปลี่ยนงาน ก็จะได้รับเงินเดือนมากขึ้น เรียกเงินเดือนและผลประโยชน์ได้สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่กับอาชีพส่วนตัว อาชีพอิสระ ความรู้ ประสบการณ์ในการทำงานจะมีผลต่อรายได้ แต่การเปลี่ยนแนวทางบ่อยๆ มีแต่เสียกับเสีย การเปลี่ยนแนวทางควรจะทำก็ต่อเมื่อ ธุรกิจหลักไปได้ดีแล้ว และหาทางทำธุรกิจอื่นเพื่อต่อยอด ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกัน สัมพันธ์กัน