การเล่นหุ้นมีโอกาสรวยหรือไม่ ง่ายหรือยากเพียงใด เป็นเรื่องที่หลายคนน่าจะอยากรู้ เพราะหลายคนที่ออกมาเปิดตัวนั้น ล้วนแต่ร่ำ รวยกันเหลือเกิน แต่หนทางที่เดินมา แสนไกลกว่าจะร่ำรวยนั้น ไม่มีใครร่ำรวยในไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน หรือไม่กี่ปี อาจจะใช้เวลาเป็นสิบปี ไม่ได้รวยง่ายๆ อย่างที่หนังสือหลายเล่มออกมาเปิดตัวหรือหลายคนออกมาเปิดเผย

 

 

อีกทั้งการออกมาเปิดตัว โชว์รวยจากหุ้นนั้น จะมีส่วนสร้างรายได้ตามมาด้วย เช่น การขายหนังสือ อบรม หารายได้เข้าเว็บไซต์ เป็น ต้น อย่างผู้เขียนหนังสือ พ่อรวยสอนลูก นั้น ขายไปทั่วโลกกว่า 26 ล้านเล่ม ก็คิดเอาเองว่า ทำกำไรได้มากเพียงใด ไหนจะการอบรม สัมนา สอนเรื่องการเงิน และการต่อยอดแบบอื่นๆ ที่สร้างรายได้ตามมา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้ต้องตามให้ทัน ต้องรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ หุ้น จะได้รู้ว่า มันจะรวยจริงไหม เหมาะกับเราหรือไม่ คุณสมบัติของเรานั้น เล่นหุ้นแล้วมีโอกาสรวยหรือไม่

 

ตัวอย่างคนใกล้ตัวที่รวยจากหุ้น

สำหรับประสบการณ์ตรงที่ได้พบเห็นก็คือ เพื่อนๆ ใกล้ตัวที่เล่นหุ้น เล่นกันมาสิบกว่าปี ก่อนจะรวยหลักสิบล้านในทุกวันนี้ แต่บาง คนก็ไม่รวย ทั้งๆ ที่ เล่นหุ้นมานานเหมือนกัน ซึ่งจะมี 2 กลุ่ม คือ เน้นออมหุ้น เน้นเงินปันผล และกลุ่มที่ 2 เน้นเก็งกำไร อ่านถึงตรงนี้ผู้ อ่านก็ลองเดาในใจก่อนว่า กลุ่มใดมีโอกาสรวยมากกว่ากัน

 

กลุ่มที่ 1 เล่นหุ้นปันผล เน้นออมหุ้น ถือไว้ระยะยาว

การเล่นหุ้นที่ทำให้รวย ซึ่งหลายคนที่รวยๆ กันในตอนนี้ออกมาเปิดตัว ทั้งการออกหนังสือหรือเผยแพร่ทางเว็บไซต์ก็ตาม ส่วนใหญ่ มาจากการถือหุ้น ระยะยาว โดยเฉพาะหุ้น ปตท เมื่อครั้งที่เพื่อนผมเริ่มเล่นหุ้นนั้น หุ้นมีราคาหุ้นละ 10 กว่าบาทเท่านั้นเอง จนกระทั่ง ราคาหุ้นขึ้นไป 300 กว่าบาท กำไรมากจริง

 

เพื่อนคนนี้ก็ซื้อไว้เรื่อยๆ ผ่านไปสิบกว่าปี ที่ได้ทยอยซื้อเก็บไว้เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าซื้อไปกี่หุ้น เพราะทำงานประจำ ไม่มีช่องทางลงทุนทางอื่น จึงซื้อหุ้นเก็บ ไว้อย่างเดียว จากหุ้นราคา 10 กว่า บาท ขึ้นมาเป็น 300 กว่าบาท เอาแค่ซื้อไว้ 20,000 หุ้น ก็ทำกำไรได้ ประมาณ 6,000,000 บาทแล้ว นี่แค่คนทำงานประจำเงินเดือนไม่มากนัก แล้วบรรดาเจ้าของกิจการ เศรษฐี คนที่มีเงินหลายสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน หากมาซื้อหุ้นเก็บไว้แบบนี้จะทำกำไรได้ เท่าไหร่

 

แต่ละคนที่รวยแล้ว และออกมาให้ความรู้นั้น จึงไม่ได้รวยในชั่วเวลาข้ามคืน อ่านแล้วก็ต้องทำความเข้าใจ อย่าไปเคลิ้มตามว่า จะ ต้องรวยเหมือนเศรษฐีเหล่านั้น ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน ไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี แต่ทั้งนี้ก็สามารถรวยได้ หากมีเงินทุนมากๆ และเล่นหุ้น แบบเก็งกำไร คล้ายกับกลุ่มที่ 2

 

กลุ่มที่ 1 นี้ มีเพื่อนรู้จักกันเล่นอยู่ 2 คน รวยจากหุ้นทั้งคู่ เมื่อขายหุ้นออกไป ก็นำเงินไปลงทุนอย่างอื่น ซื้อที่ทำไร่ ทำสวน กระจาย ความเสี่ยง เพิ่ม ช่องทางสร้างรายได้ทางอื่น หรือซื้อของใช้ ซื้อบ้าน นี่คือโอกาสรวยของคนเล่นหุ้น แต่จะเห็นว่าใช้เวลานานมาก สิบกว่า ปีกว่าจะออมหุ้น ซื้อหุ้นตุนไว้จำนวนมาก และหุ้นมีราคาสูงขึ้นมาก

 

ในการเล่นหุ้นแบบนี้ มีโอกาสรวยหากหุ้นปรับราคาขึ้นไปในอนาคต ซึ่งต้องซื้อไว้หลายปี กว่าจะรวย นอกจากนี้การซื้อหุ้นบางตัว ก็ จะได้เงินปันผลอีก ด้วย สมมุติว่าได้เงินปันผล หุ้นละ 1 บาท ซื้อไว้ 200,000 หุ้น ได้ปีละ 200,000 บาท หรือ เดือนประมาณ 16,666 บาท ก็ไม่จำเป็นต้องทำงาน ประจำแล้ว ลาออกมาอยู่บ้านได้เลย หรือหากเกษียณแล้วชีวิตบั้นปลายก็ไม่ลำบาก แต่ส่วนใหญ่ จะลำบาก เพราะลูกหลาน ญาติพี่น้อง ชาวบ้านรุมทึ้งอยู่ดี

 

อ่านถึงตรงนี้ก็น่าจะมองภาพออกแล้วว่า ความรวยจากการเล่นหุ้นมาได้อย่างไร ต้องใช้เวลานานแค่ไหน และมีโอกาสอีกหรือไม่ที่จะ รวยมหาศาล เหมือนหุ้น ปตท ในอดีต ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นเรื่องยากมาก มีบริษัทเกิดใหม่ มีคนมากกว่าเดิม การแข่งขันสูงกว่าเมื่อก่อน ตลอดจนรูปแบบการทำธุรกิจที่หลากหลายกว่าเดิมมาก

 

การหาเงินหลักสิบล้านสำหรับคนรุ่นใหม่ มีช่องทางมากมายที่จะหาได้เร็วกว่านี้ อย่างการหาเงินออนไลน์ ขายสินค้าออนไลน์ บาง คนหาได้สบายๆ เดือนละ 2-3 ล้าน ด้วยเงินลงทุนหลักแสนก็มี

 

นอกจากนี้ ก็ไม่มีใครรับประกันด้วยว่า ราคาหุ้นจะตกหรือราคาจะขึ้น หากทยายซื้อตุนไว้ ในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า อาจจะไม่รวยก็ได้ เพราะหุ้นราคา ตก ซื้อไว้ 20,000 หุ้นๆ ละ 10 บาท ผ่านไป 5 ปี หุ้นตกเหลือ 6 บาท ขาดทุนไปหลายหมื่นบาทแล้ว การเล่นหุ้นจึงไม่ ได้รวยได้ง่ายๆ อย่างที่เราเห็น จากผู้ที่รวยแล้ว ออกมาเปิดเผย อย่าตาโต มองแต่ความสำเร็จของคนเหล่านั้น ต้องศึกษาเจาะลึก ถึง ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านยอดดอย ผ่านมาม่า ฯลฯ ของแต่ละคนด้วย กว่าจะนิ่งและรวยได้นั้น ยากจริงๆ ต้องศึกษาหา ความรู้อย่างมากเช่นกัน

 

กลุ่มที่ 2 เล่นหุ้นเก็งกำไร ซื้อมาขายไป

เพื่อนๆ ในกลุ่มที่ 2 ของผมก็มีหลายคน เน้นซื้อเก็งกำไร เช่น หุ้นละ 10 บาท ซื้อไว้ 20,000 หุ้น ในราคา 200,000 บาท ปรากฏ ว่าโชคดี วันถัด ไป หุ้นปรับราคาขึ้นไป 12 บาท ก็เทขายไปทั้ง 20,000 หุ้น ได้มาทั้งหมด 240,000 บาท แค่ข้ามวัน ทำกำไรทันที 40,000 บาท นี่คือการเก็งกำไร สรุปว่า วันเดียว ก็ได้กำไรไป 40,000 แล้วถ้าทำได้ทุกวัน มันจะรวยขนาดไหน แค่สมมุตินะ เพราะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้

 

แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น หากคนในกลุ่มที่ 1 ซึ่งรวยจากหุ้นระยะยาวเป็นสิบล้านแล้ว เอาเงินมาต่อยอด แทนที่จะซื้อไว้ 20,000 หุ้น แต่ซื้อสัก 1,000,000 หุ้น ในราคา 10,000,000 บาท ซึ่งจะทำกำไร ได้มากถึง 12,000,000 บาท ทำกำไร วันเดียวได้มากถึง 2,000,000 บาท แล้วถ้ามี เงินสัก ร้อยล้าน พันล้าน นำมาซื้อหุ้นเพื่อขายเก็งกำไรแบบนี้ จะทำกำไรได้ต่อวันกี่ล้าน

 

คนที่รวยเพราะหุ้นมาแล้ว หรือมีเงินมาก จึงมีโอกาสรวยยิ่งๆ ขึ้น แต่คนทำงานเงินเดือนประจำ แบ่งเงินมาซื้อทีได้ไม่กี่หุ้น เช่น หุ้น ราคา 10 บาท ซื้อ 1000 หุ้น ในราคา 10000 บาท หากราคาปรับขึ้นเป็นหุ้นละ 12 บาท ก็จะได้ 12,000 ทำกำไร 2,000 บาท ได้ เงินมาแล้ว กว่าจะรวยนั้น ต้องใช้ เวลา หากไม่มีวินัย ได้เงินมาแล้ว ใช้หมด ก็จบกัน

 

แต่ราคาหุ้นนั้นไม่ได้มีแต่ขึ้นอย่างเดียว มีลงด้วย หากวันถัดไป ราคาจาก 10 บาท ราคาหุ้นตกเหลือ 8 บาท คนที่ซื้อไว้ 20,000 หุ้น แทนที่จำกำไร 40,000 บาท แต่จะขาดทุน 40,000 บาททันที คนที่ซื้อไว้ 1,000,000 หุ้น แทนที่จะกำไร 2,000,000 ก็จะขาดทุน 2,000,000 บาททันที เหลือ 8,000,000 บาท แล้วถ้าราคาหุ้นยังตกต่ออย่างต่อเนื่อง เงิน 10,000,000 ก็พร้อมจะหายไปได้ เหมือนกัน

 

คนมีเงินทุนเยอะ มีจำนวนหุ้นในมือมากๆ จึงรวยแบบข้ามคืนด้วยวิธีนี้นั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะทำได้ เพราะจะเอางินสิบ ล้านที่ไหนไปซื้อหุ้น หากมีลิบล้านในมือก็จริง แต่จะมีสักกี่คน ที่กล้าซื้อ เพราะหากหุ้นราคาตก ขาดทุนเป็นล้านในวันเดียวได้เหมือนกัน คนส่วนใหญ่จึงไม่รวยนั่นเอง ใครจะกล้าเสี่ยง

 

เซียนหุ้นที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาแล้ว จึงยากที่จะพลาดจนหมดตัว เพราะผ่านการสูญเงินมาแล้ว คนที่ผ่านมาได้ ก็คือคนที่ออกมา เล่าประสบการณ์ ให้เราฟัง แล้วพวกที่ไม่ผ่าน ไปไหนกันหมด โดยเฉพาะมือใหม่ มีโอกาสพลาด หมดตัวได้ง่ายๆ เพราะไม่ได้ง่ายอย่าง ที่คิด ก่อนจะเล่นจึงต้องศึกษาให้ดี

 

มนุษย์เงินเดิอนจะเล่นหุ้นให้รวย ต้องทำอย่างไร

สำหรับคนทั่วไป ที่ไม่มีรายได้มากนัก หรือมนุษย์เงินเดือนก็ตาม ก่อนอื่น ให้เอาคำว่า รวย ออกจากหัวไปก่อน เพราะในปัจจุบันนี้ โอกาสรวย สำหรับสำหรับการเล่นหุ้นไม่ง่ายอย่างที่คิด คงไม่มีหุ้นของบริษัทไหนจะขึ้นได้มากๆ จาก สิบกว่าบาท เป็น สามร้อยกว่าบาท เหมือนหุ้น ปตท อีกแล้ว ซึ่งต้องเล่นในลักษณะการออมหุ้น เท่านั้น รอให้หุ้นปรับราคาขึ้นในอนาคต และได้เงินปันผล คล้ายกับ กลุ่มที่ 1 ที่เล่นหุ้น ปตท ตัวอย่างเช่นจากที่ซื้อ หุ้นละ 10 บาท ผ่านไป 20 ปี หุ้นราคาขึ้นไป 50 บาท ทยอยซื้อเก็บไว้มาตลอด 20 ปี ซื้อไว้ทั้ง หมด 100,000 หุ้น ซึ่งปรับราคาจาก 10 บาท เป็น 50 บาท มูลค่าเงินของเราในตลาดหุ้น ก็จะเพิ่มเป็น 50 x 100,000 = 5,000,000 บาท

 

ถ้า 20 ปีข้างหน้าเป็นการเกษียณอายุ ก็จะมีเงินให้ใช้สบายๆ 5,000,000 บาท แต่ต้องขายหุ้นทั้งหมดไปเลย หรืออาจจะมีจากการ ปันผล เช่น ปัน ผลได้หุ้นละ 1 บาท มีอยู่ 100,000 หุ้น ก็จะได้ 100,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ 8,000 กว่าบาท ให้ใช้ในบั้นปลาย ของชีวิต รวมกับเงินเก็บ เงินประกันสังคม หรือบำนาญก็อยู่ได้สบายๆ

 

แต่การเล่นหุ้นนั้นหยุดไม่ได้ หากยังมีค่าใช้จ่ายประจำทุกเดือน เมื่อได้เงินมาแล้ว หรือหุ้นเริ่มขึ้น การทยอยขายบางส่วน แล้วทยอย ซื้อหุ้นอื่นตุนไว้ เรื่อยๆ เป็น สิ่งที่ต้องทำ ไม่เช่นนั้น ก็จะรวยครั้งเดียว หากมีรายจ่ายมากๆ ในภายหลัง ใช้เงินหมด ก็จะกลับไปจน เหมือนเดิม

 

นี่คือแนวทางการเล่นหุ้นของมนุษย์เงินเดิอน โอกาสรวย เหมือนเล่นหุ้น ปตท นั้น ยากมาก แต่อย่างน้อยให้มองเป็นการออมเงินไว้ ใช้ในอนาคต ไม่เช่นนั้นคนเล่นหุ้นก็รวยกันไปหมดแล้ว การเล่นหุ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือน จึงต้องเลือกว่าจะเล่นแบบไหน หากเล่นแบบ เก็งกำไร ผ่านไปสิบกว่าปี อาจจะไม่รวยหรือมีเงินมากพอสำหรับการใช้จ่ายในวัยเกษียณ เพราะกำไรที่ได้มา อาจจะใช้หมด หรืออาจจะ พลาดเสียเงิน เพราะหุ้นตก ได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง

 

แต่การเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรดูจะไม่เหมาะสำหรับคนทำงานประจำ เพราะต้องดูราคาหุ้นขึ้นลงบ่อยๆ รบกวนสมาธิการทำงาน และ เครียดมากกว่า จึง ควรเล่นหุ้นแบบออมหุ้น และเน้นหุ้นปันผล หากต้องการความสบายใจและมีโอกาสมีความมั่นคง เน้นออมหุ้นไว้ใช้ ในบั้นปลายชีวิตนั่นเอง เพราะการนำ เงินไปฝากธนาคารนั้นได้ดอกเบี้ยน้อยมาก

 

ตัวอย่างการเล่นหุ้นสำหรับมนุษย์เงินเดิอนหรือผู้มีรายได้ประจำ

การเล่นหุ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือน เป็นเรื่องยากเพราะต้องมีวินัยสูงมาก ต้องมีวินัยจัดแบ่งเงินมาซื้อหุ้นไว้เพื่ออนาคตอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่าง เงินเดิอน 20,000 บาท

 

รายรับจากเงินเดิอน 20,000 บาท

แบ่งการใช้จ่ายและออมดังนี้
1. รายจ่าย เดือนละ 8,000 บาท 2. ออม ฝากธนาคาร 2,000 บาท 3. ลงทุน เล่นหุ้น 10,000 บาท ต้องซื้อหุ้นทุกเดือน เพื่อสะสม หรือออมหุ้นไว้ แทนการฝากเงินกับธนาคาร เพราะดอกเบี้ยน้อยมาก และต้องซื้อไปอีก นานเป็นสิบๆ ปี กว่ามูลค่าหุ้นจะมีมากพอ สำหรับชีวิตในยามเกษียณ ได้เงินปันผลเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

 

ในความเป็นจริงแล้วจะมีมนุษย์เงินเดือนสักกี่คนที่จะสามารถแบ่งเงินไปลงทุนได้ทุกเดือนๆ ละ 10,000 บาท แต่เพื่อนผมทำได้ และทำได้มากกว่า นั้น เพราะทำตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 และก็เป็นโสดยาวมาจนกระทั่งเกือบ 40 ไม่มีรายจ่ายเรื่องการซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ไม่มีเมีย ไม่มีลูก ไม่ต้องผ่อนรถ จึงแบ่งเงินไปลงทุนกับหุ้นได้เต็มที่

 

แต่คนทำงานในยุคปัจจุบันนี้ มีวัตถุล่อลวงเยอะเหลือเกิน iPhone 20 มาแล้ว ผ่อนดีกว่า หยุดเอาเงินไปลงทุนกับหุ้นก่อน มาผ่อน iPhone 3 เดือนก็หมดล่ะ ฟรีดอกเบี้ย พลาดไม่ได้ ไหนจะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีกิ๊ก เที่ยว ฯลฯ โอกาสที่จะรวยจากการเล่นหุ้นจึงยากจริงๆ เพราะรายจ่ายเยอะ

 

แม้จะยากแต่ก็อย่าได้หมดกำลังใจ เพราะการออมเงินนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องออมไว้ใช้ในยามแก่ชรา โอกาสรวยอาจจะยาก แต่ ก็ต้องทำ ออมหุ้น ซื้อบ้านหรือคอนโดให้เช่า ลงทุนด้านอื่น กระจายๆ กันไป ป้องกันความเสี่ยง อย่าให้มีรายได้ทางเดียว หากรายได้มัน หดหายไป โดยเฉพาะหุ้น หากราคาตกเมื่อไหร่ เงินหายไปทันที มีเงินมาก ก็หายไปมากเช่นกัน มูลค่าหุ้นหลายพันลาน อาจจะไม่เหลือ เลย หากเจอกรณีคล้ายกับหุ้น BBC หุ้น ธนาคารดังในอดีตที่ทำหลายคนหมดตัวมาแล้ว

 

การเล่นหุ้น สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ประจำหรือมีเงินเก็บ

กรณีนี้อาจจะมีเงินเก็บ แล้วสนใจการเล่นหุ้น และไม่มีรายได้ประจำ หรืออีกนานกว่าจะเก็บเงินได้สักก้อน การเล่นหุ้นในลักษณะการ ออมหุ้ม อาจจะไม่เหมาะ หากเน้นกำไรระยะสั้น

 

ตัวอย่างการเล่นหุ้นในลักษณะการออมหุ้ม เน้นปันผล

มีเงินเก็บ 40,000 บาท หากนำเงินไปซื้อหุ้นๆ ละ 10 บาท ก็จะได้ 4000 หุ้น ซึ่งต้องเน้นซื้อหุ้นที่ปันผล ในแต่ละปีสมมุติว่ามีเงิน ปันผลให้ หุ้นละ 1 บาท ซื้อไว้ 4,000 หุ้น ก็จะได้เงินปันผล 4,000 บาท ซึ่งเงิน 40,000 บาทหากนำไปฝากธนาคาร จะได้ดอกเบี้ยไม่ กี่ร้อยบาทต่อปีเท่านั้นเอง

 

หากเป็นเงินเย็นๆ ไม่ได้ใช้จ่ายอะไร เก็บไว้นิ่งๆ ในธนาคารเท่านั้น การนำไปเล่นหุ้นย่อมจะดีกว่า ผ่านไป หนึ่งปี ได้เงินปันผล และ เงินออมที่ทยอย เก็บเพิ่มได้ ก็นำไปซื้อหุ้นปันผลไว้อีก ผ่านไปสัก 10 ปี ก็จะมีมูลค่าหุ้นหลักแสนบาทแน่นอน หากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไปจนถึงวัยแก่ชรา ก็จะมีเงินไว้ใช้ ในบั้นปลายชีวิต พอสมควร

 

แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องทำไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด จนกว่า รายได้ที่ได้จากเงินปันผลต่อปีนั้น มากพอสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ทำ แบบนี้ต่อเนื่องไป เรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 50 ปี มีหุ้นรวม 240,000 หุ้น แต่ละปี ได้เงินปันผล หุ้นละ 1 บาท รวม 240,000 บาท ต่อ ปีหรือเดือนละ 20,000 บาท


ถ้าคิดว่าเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว อาจจะเกษียณตัวเอง ลาออกจากงานประจำมานั่งๆ นอนๆ รอกิน รอใช้เงินปันผล ก็ ตามสะดวก ณ ตอนนั้น ก็คงจะเป็นคนรวยในสายตาคนรอบข้างอย่างแน่นอน เพราะหุ้นจำนวน 240,000 หุ้นนั้น หากหุ้นมีราคาหุ้นละ 50 บาท ก็จะมีมูลค่าหุ้นหลักล้านบาท จะขายบางส่วนเอาเงินมาใช้จ่าย หรือจะเก็บไว้รับเงินปันผลก็ได้

ตัวอย่างการเล่นหุ้นในลักษณะการเก็งกำไร

แต่หากต้องการสร้างรายได้จากการเล่นหุ้นเร็วกว่านั้น เงิน 40,000 บาท ก็สามารถทำได้ เช่น ซื้อหุ้นๆ ละ 10 บาท ได้ 4,000 หุ้น ในวันถัดไป ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป 11 บาท ก็เทขายไปทั้งหมด จะได้เงินกลับมา 11 x 4,000 หุ้น = 44,000 บาท แค่วันเดียว สามารถทำกำไรได้ 4000 บาท จากนั้นก็หาหุ้นตัวใหม่ที่คาดว่า ราคาน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ไปซื้อ แล้วรอให้ขึ้น แล้วก็ขายทำกำไรอีก ทำ แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่หากราคาหุ้นปรับราคาลดไป 1 บาท เหลือ 9 บาท ก็จะเหลือมูลค่าหุ้น 9 x 4,000 หุ้น = 36,000 บาท ขาดทุน ไปทันที 4,000 บาทต่อวันเช่นกัน

 

หากทำกำไรได้ทุกวัน ด้วยเงินทุน 40,000 บาท ก็จะมีโอกาสทำเงินได้เกิน 120,000 ต่อเดือน (4,000 x 30 วัน) แต่หากราคา หุ้นตกติดต่อทุก วันเงิน 40,000 ก็พร้อมจะหายไปได้ทันที เช่น หุ้นตกเหลือ 5 บาท เงินก็จะหายไปทันที 20,000 ในอีกวันถัดไป เล่น เอาน้ำตาเล็ดได้เหมือนกัน (ข้อมูลสมมุติ แต่แนวทางก็จะตามนี้ ตัวเลขอาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นหรือลง หากอยากรู้ก็ต้องทดลองดู)

 

หากศึกษาให้ดี ก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้ อาจจะเน้นกำไรน้อยๆ ไม่ต้องมาก เช่น วันละไม่เกิน 2-500 บาทก็พอ แต่อาจจะต้อง เหนื่อยหน่อยกับการนั่งเฝ้าหน้าจอ เพื่อดูราคาหุ้น ว่าขึ้นหรือลงมากน้อยแค่ไหน จะได้รีบเทขายได้ทัน เพราะราคาหุ้นนั้น ปรับตัวตลอด เวลาทุกวินาที เงินจึงพร้อมจะ หายหรือทำกำไรได้ทุกวินาทีเช่นกัน

 

แต่การเล่นหุ้นแบบนี้ เหนื่อยไม่น้อย ต้องตามตลอดเวลา ศึกษาหาข้อมูล ดูราคาหุ้นขึ้นลง รีบเทขายหากหุ้นตก หรือเริ่มมีกำไร เมื่อ หุ้นราคาตก บางคนอาจจะคิดว่าเดี๋ยวก็ขึ้น แต่ราคาดันตกไม่หยุด ก็จะขาดทุนมาก กรณีราคาหุ้นปรับขึ้น บางครั้งขึ้นไปเรื่อยๆ หากเท ขายเร็วเกินไป กำไรก็จะได้ไม่มาก แต่หากไม่รีบเทขาย ปรากฏว่ามันลงมาเหลือน้อยกว่าทุน ก็แย่ การเล่นแบบนี้ดูจะเหมาะสำหรับคน ชอบเสี่ยง มีเวลาว่างหาความรู้ และติดตามหุ้น ไม่ เช่นนั้นเจ็บตัวแน่นอน

 

นอกจากนี้อาจจะหาทางแบ่งเงินไปลงทุนทางอื่นก็ได้ เช่น นำมาลองเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรสัก 20,000 บาท หาช่องทางลงทุนด้านอื่น หาสินค้ามา ขายผ่านเน็ต ผ่านเฟสบุ๊ค Line หรือหาแฟรนไชส์ต่างๆ หรือการเปิดร้านจริงๆ เปิดท้ายขายของ ฯลฯ ด้วยเงินลงทุน 20,000 บาท จะมีโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน และไม่เสี่ยง ไม่เหนื่อยเหมือนเล่นหุ้น


ขอให้โชคดีครับ ร่ำรวยกันทุกคน