การใช้รถตู้เหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง เช่น การบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมาก กรณีเป็นครอบครัวใหญ่ หรือใช้เพื่อบรรทุกสินค้า ร้านค้า รถบ้าน รถสำหรับท่องเที่ยวแคมปิ้ง รถตู้มือสองก็มีข้อดีข้อเสียที่จะต้องศึกษาให้ดี ก่อนซื้อมาใช้งาน ซึ่งเหมาะจะใช้เป็นคันที่ 2 มากกว่า

รูปแบบการใช้งานรถตู้

รถตู้ในปัจจุบันมีรูปแบบการใช้งานหลายอย่าง เช่น
1. การใช้รถตู้เพื่อบรรทุกผู้โดยสาร สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน การใช้รถตู้ค่อนข้างสะดวก เดินทางใกล้ไกลไปกันได้หลายคน พื้นที่ภายในกว้างขวาง แต่ส่วนใหญ่กินน้ำมัน การใช้งานทุกวัน อาจจะไม่เหมาะ ควรเป็นรถคันที่ 2 เว้นแต่จะใช้งานด้านอื่นด้วย เช่น รับส่งนักเรียน ใช้เปิดท้ายขายของ หรือรถมีส่วนช่วยสร้างรายได้


2. ส่วนการใช้รถตู้เพื่อบรรทุก สิ่งของ จะมีความสะดวก ปลอดภัยในการบรรทุกและเก็บสินค้า แต่บางคนอาจจะใช้ในจุดประสงค์อื่นๆ ใช้เป็นรถเซอร์วิสใช้เป็นรถมูลนิธี บางคนก็ใช้เพื่อการท่องเที่ยว มีรถตู้สะดวกจอดนอนที่ไหนก็ได้ อย่างการเที่ยวป่า ไม่ต้องกางเต็นท์ให้เสียเวลา


รถตู้สำหรับบรรทุกห้ามมีเบาะ ผิดกฏหมาย ต้องโล่งๆ แบบนี้


3. สำหรับคนโสดอยู่คนเดียว อาจจะใช้รถตู้เป็นบ้านเคลื่อนที่ เพราะรถตู้บางรุ่นมีพื้นที่ภายในใหญ่กว้างขวาง รองรับสมาชิก 1-2 คนสบายๆ อย่าง Isuzu Buddy ซึ่งผู้เขียนก็วางแผนว่าอนาคตจะต้องหามาใช้สักคัน เพราะชีวิตชอบเดินทางท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติ เพื่อกางเต็นท์ หามุมสงบทำงานและเที่ยวในตัว รถแบบนี้ใหญ่ดีมาก

 


4. รถตู้มือสองบางรุ่นอย่าง Mitsubishi L300 มีประตูเปิด 2 ด้าน เหมาะสำหรับการขนถ่ายสินค้า หรือใช้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว การที่มีประตู 2 ด้าน จึงสามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ดี เดินทางใกล้ไกลเหนื่อยนั่งนอนพักในรถได้ ไม่ร้อนมากเหมือนรถที่มีประตูฝั่งเดียว


5. รถตู้ขนาดเล็ก อย่าง Toyota Liteace, Daihutsu สั้นพอๆ กับ Jz แต่วงเลี้ยวแคบกว่าเล็กน้อย สะดวกคล่องตัว รถเล็กๆ เหล่านี้บางรุ่นยังหาอะไหล่ได้ง่าย ด้วยความที่เป็น Toyota จึงสามารถหาอะไหล่มาใช้ร่วมกันได้ หากเลือกเครื่องยนต์ดีเซลจะใช้งานได้อย่างสบายใจมากกว่าเบนซินเพราะต้องติดแก๊ส กินน้ำมันไม่มาก ประมาณ 10-14 กิโลเมตรต่อลิตร


6. การใช้รถตู้นั้น บางคนก็ใช้เพื่อเปิดท้ายขายของ ซึ่งสามารถตกแต่งได้อย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญก็คือ มันเคลื่อนที่ได้ ดีกว่าการไปแต่งร้านเพราะแต่งเสร็จแล้ว หากเลิกกิจการก็ต้องรื้อ แต่รถยังสามารถย้ายไปได้เรื่อยๆ คนนี้เป็นรถของน้องในชมรมรถตู้ ขายกาแฟ เครื่องดื่ม

 


7. รถตู้คลาสิกรถสะสม บางคนซื้อรถตู้แบบนี้เอาไว้เป็นรถสะสม เพราะบางรุ่นราคาไม่ตก แต่ควรเป็นรถคันที่ 2 เพราะระบบต่าง ๆ อาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนรถรุ่นใหม่ อะไหล่แท้ก็หายาก


8. รถตู้เล็กสุด Suzuki หรือ Daihatsu รถเหล่านี้หลายรุ่น เป็นรถนำเข้า ราคาไม่ตก ซื้อไว้ใช้งานคุ้ม แต่ต้องดูแลให้ดี เพราะอะไหล่แพงต้องสั่งจากต่างประเทศ อู่ซ่อมก็ต้องเป็นอู่เฉพาะทาง ไม่เช่นนั้นไม่จบ เพราะอู่เฉพาะย่อมมีอะไหล่ และความเชี่ยวชาญมากกว่าอู่ทั่วไป

 

เครื่องยนต์ในรถตู้มือสอง

รถตู้มือสองนิยมใช้เครื่องยนต์ดีเซล แต่ช่วงที่น้ำมันดีเซลแพงมาก หลายคันได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์เบนซินเพื่อติดแก๊ส โดยใช้เครื่องยอดนิยมก็คือ เครื่อง J ในรถตู้รุ่นใหญ่อย่าง Hiace ส่วนรถตู้เล็กๆ อย่าง Liteace มีทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินอยู่แล้ว และบางคนก็วางเครื่องใหม่เช่น 3s หรือเครื่องตระกูล Y 1800 cc ถึง 2000 cc รถเล็ก แต่แรง
1. การเเลือกรถตู้มือสองเครื่องยนต์ดีเซล จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทน ทาน ดูแลง่าย ไร้ปัญหาจุกจิก เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ติดแก๊ส


2. เครื่องยนต์ในรถตู้มือสองเหล่านี้ หากใช้เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ ติดแก๊ส อาจจะจะมีปัญหากับระบบไฟ ต้องดูแลบำรุงรักษามากกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไม่มีความรู้และไม่มีเวลาเข้าอู่ แนะนำให้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ปัญหาน้อยกว่า

 

ประโยชน์ของรถตู้

ผู้เขียนเป็นคนชอบเดินทาง เคยใช้รถเก๋งแต่ก็ไม่สะดวกเหมือนรถตู้ซึ่งมีความอเนกประสงค์อย่างมาก เราสามารถใช้ประโยชน์จากรถตู้ได้หลากหลายรูปแบบมาก เช่น
1. การใช้รถเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว นั่งนอนในรถสบายกว่ารถเก๋ง ฝนตก ฟ้าร้อง ไม่มีปัญหา
2. การเดินทางท่องเที่ยวแคมปิ้ง สามารถขนสัมภาระได้เยอะมาก ทั้งรถ จักรยาน โซฟา ข้าวของเครื่องใช้ ขนไปแทบหมดบ้าน อยากใช้อะไรก็สะดวกมีครบทุกอย่าง ยังเคยยก Honda Wave ติดรถไปด้วยเลย


3. ทำร้านเคลื่อนที่ ร้านขายของ ข้างทาง ตามตลาดนัด ไม่ต้องเสียเวลาตั้งแผง เก็บของหลบฝน สะดวกในการเดินทาง


4. สำหรับคนโสด สามารถใช้รถตู้เป็นบ้านเคลื่อนที่ได้สบายๆ สร้างแค่ห้องน้ำไว้ก็พอ ที่เหลือก็ตะลอนเที่ยวไปได้ทั่ว หารถตู้คันใหญ่อย่าง Isuzu Buddy ไว้สักคัน และมอเตอร์ไซค์คันเล็กอีกสักคับ เอาไว้เดินทางสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถใหญ่

 

ประเภทของรถตู้

รถตู้มีหลายประเภทแยกความแตกต่างด้วยสีของป้ายทะเบียน เช่น
1. รถตู้ป้ายสีเขียว เป็นรถตู้บรรทุก แจ้งจดทะเบียนเอาไว้ส่งของ รถแบบนี้ไม่สามารถติดเบาะได้ ผิดกฏหมาย โดนจับ ปรับได้ การจ่ายภาษีต่อปีจะถูกกว่ารถตู้แบบอื่น
2. รถตู้ป้ายสีฟ้า เป็นรถตู้โดยสารเกิน 7 คน หรือ รถโดยสาร 11 ที่นั่ง การคิดภาษีประจำปีจะคิดตามน้ำหนักของรถยนต์ จะต้องจัดให้มีที่นั่งครบทั้ง 11 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นจะผิดกฏหมาย โดนจับ ปรับได้
3. รถตู้ป้ายสีดำ เป็นรถตู้โดยสารส่วนบุคคล จะต้องมีที่นั่งเท่ากับ 7 ที่นั่งหรือน้อยกว่านั้น ภาษีก็จะแพงกว่ารถตู้ 2 ประเภทแรก

 

ข้อเสียของรถตู้มือสอง

รถแบบนี้ควรเป็นรถที่ไว้ใช้งานแบบเฉพาะทาง สำหรับงานบางประเภท และการที่วางเครื่องไว้ตรงกลาง ทำให้ในห้องโดยสารร้อนหากต้องการจอดนอน การซ่อมบำรุงทำได้ยาก เพราะห้องเครื่องเล็กคับแคบ ตำแหน่งเครื่องยนต์ เกียร์ อยู่ต่่ำ การขับรถลุยน้ำ มักจะสร้างความเสียหายให้ระบบเกียร์ได้

 

รถตู้บางรุ่นตำแหน่งคนขับอยู่ใกล้ล้อหน้ามากเกินไป หรือแทบจะอยู่บนล้อ การขับรถทางไกล หรือ ขับบ่อยๆ อาจจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ หรือ เจ็บป่วยได้ หากต้องขับรถในลักษณะนี้บ่อยๆ การออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อหลัง ขา แขน มีความสำคัญ จะช่วยลดอาการบาดเจ็บลงได้

 

การซ่อมบำรุงรถตู้ทำได้ยากกว่า เพราะเครื่องยนต์และชิ้นส่วนหลายอย่าง อยู่ใต้ตัวรถ หากไม่ใช่อู่เฉพาะ บางทีก็ไม่อยากทำ เพราะเสียเวลา และค่าแรงก็อาจจะแพงกว่าด้วย

 

กรณีเป็นการทำสีทั้งคัน สำหรับใครที่อยากจะได้รถตู้เก่ามาปรับปรุงใหม่ ต้องศึกษให้ดี เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง อย่างการทำสีปะผุทั้งคัน คันนี้หมดไปเกิน 40,000 บาท และซ่อมไม่จบ ผุแทบจะทุก 3-4 เดือน เนื่องจากอะไหล่ยางขอบกระจกบังลมหน้าหลัง ไม่ใช่ของแท้ ทำให้น้ำซึมเข้าไปได้ จากนั้นขอบก็จะเริ่มผุ