ความหมาย : สำนวนนี้ ใช้พูดถึงสถานการณ์ที่อันตราย หรือกำลังอยู่ในช่วงหรือสถานที่ที่อันตราย อยู่ ในช่วง หน้าสิ่วหน้าขวาน จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง มีสติใจเย็น จะทำอะไรต้องมีความรอบคอบ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงสงคราม การก่อการร้ายหรือเกิดภัยธรรมชาติ

ความหมาย : ครอบครัวของคนที่มีฐานะร่ำรวย บางครั้ง ก็เลือกคู่ครองให้บุตรสาวของตน เป็นเพียงแค่ ผู้ชายธรรมดาฐานะยากจน ใครโชคดีแบบนี้ ก็เหมือน หนูตกถังข้าวสาร แต่มีคุณสมบัติด้านอื่นที่ดี เป็นคนขยันทำมาหากิน ไม่เล่นอบายมุข เป็นคนดี ซึ่งก็ย่อมจะดีกว่า การ ให้บุตรสาวแต่งงานกับคนรวย แต่ไม่ใช่คนดี เมื่อแต่งกันแล้ว ก็ย่อมจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวในภายหลัง คนดีนั้น อย่างไรเสีย แม้จะไม่ร่ำรวย ก็ย่อมดีกว่าคนที่ร่ำรวยแต่ไม่ใช่คนดี

ความหมาย : สำนวนนี้ มักจะใช้พูดถึงคราวเคราะห์ วิบากกรรมของคนเรา บางครั้งอุตส่าห์หนีอันตรายที่ อยู่ตรงหน้า หนีจากที่หนึ่งไปหาที่ใหม่ซึ่งคิดว่าน่าจะปลอดภัย แต่กลับต้องไปพบกับสิ่งที่เป็นอันตรายไม่ต่างกัน เข้าทำนอง หนี เสือปะจระเข้ หนีเสือกระโดดลงน้ำ กลับไปเจอจระเข้ที่อยู่ในน้ำ มีอันตรายไม่ได้ต่างกัน

ความหมาย : สำนวนนี้ จะใช้พูดถึง ความเก่งความฉลาดของคนเรา บางคน มีสติปัญญาดี มาตั้งแต่เกิด เก่งได้ โดยไม่ต้องมีคนสอน เหมือน หนามแหลมไม่มีคนเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงไม่มีคนกลึง คนเหล่านี้มีความฉลาด สามารถ เรียนรู้เองได้จากการสังเกต การอ่านการศึกษา การทดลองทำ แต่เรื่องเหล่านี้ ก็ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกคนต้องมีการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง เพียงแต่ในขั้นตอนการเรียนรู้นั้น บางทีก็จะดูไม่ออก ว่าเรียนรู้เมื่อใด เพราะกระบวนการคิด การทำงานของ สมอง ยากจะดูออก ว่ากำลังทำอะไรกำลังคิดอะไร บางคนอยู่นิ่งๆ อยู่เฉยๆ นั่งๆนอนๆ แต่ในสมองนั้น อาจกำลังคิดแก้ปัญหา บางอย่าง จนหัวแทบระเบิดก็ได้

ความหมาย : สำนวนนี้ มักจะใช้พูดถึงคนที่ขี้เกียจหรือแทนความหมายว่าคนนั้นเป็นคนขี้เกียจ หนักไม่ เอาเบาไม่สู้ งานหนักหรืองานเบาก็ไม่เอาสักอย่างเป็นคนขี้เกียจมากคนประเภทนี้ หากไม่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ก็จะสร้าง ปัญหา ให้ตัวเอง และคนรอบข้าง อย่างแน่นอน