การอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ไม่ใช่เรื่องที่ทุกข์กายทุกข์ใจแต่อย่างใด หากเข้าใจตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องการใช้ชีวิตแบบใด ก็จะรู้วิธีรับมือกับการอยู่คนเดียวได้สบาย การอยู่คนเดียวก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้ โดยเฉพาะคนยุคนี้ที่เป็นโสดกันมาก

ความเข้าใจตัวเอง รู้จักตัวเองทุกด้านเป็นเรื่องสำคัญ หากยังรู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว ก็แสดงว่ายังไม่รู้จักตัวเองดี ว่าชีวิตต้องการอะไร อยากเป็น อยากอยู่ อยากทำอะไร กันแน่ ซึ่งเรื่องนี้เร่งก็ไม่ได้ เวลาและประสบการณ์จะทำให้เข้าใจโลกเอง และกว่าจะถึงวันและเวลาที่จะเข้าใจอย่างแท้จริง และสามารถขจัดความเหงาไปได้นั้น อาจจะกินเวลาเป็นสิบๆ ปี หรือตลอดทั้งชีวิต แต่ก็มีทางลัดที่สามารถทำได้

 

การจะรู้ว่าตัวเองชอบอะไรแบบไหน ก็จะต้องลงมือทำ นั่นคือ ฝึกการอยู่คนเดียว เพื่อให้เข้าใจตัวเอง ซึ่งจะต้องผ่านอุปสรรคนานับประการเลยทีเดียว สิ่งสำคัญก็คือสติ ที่จะต้องตรวจสอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถึงความรู้สึก อารมณ์ของตัวเองในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อดูว่า อารมณ์ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องอยู่คนเดียว รู้สึกเป็นสุข สุขเพราะอะไร ทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร

 

เราสามารถอยู่คนเดียวได้ แต่ต้องรู้จักตัวเองในหลายด้าน

ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากไม่ค้นหา ก็ย่อมไม่พบหนทาง ผู้เขียนเริ่มออกจากบ้านตั้งแต่ประถม ระหกระเหินอยู่บ้านคนอื่นบ้าน บ้านเช่าบ้าง ไม่มีบ้านอยู่บ้าง กว่าจะเข้าใจตัวเอง และสามารถอยู่คนเดียวได้ จะต้องใช้เวลาและประสบการณ์ชีวิตในหลายๆ ด้าน ตอนนี้ไม่คุยกับใครเลย ก็อยู่ได้ เคยไปกางเต็นท์อยู่ตามป่าเป็นเดือน ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์อะไร

 

อาชีพ หน้าที่ การงาน

แต่ละคนก็มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตการทำงานที่ต่างกันออกไป คนทำอาชีพอิสระ มีแนวโน้มที่จะอยู่คนเดียวสูงกว่า หากมีชีวิตคู่แล้ว ไม่เข้าใจ ทำให้มีปัญหาจนกระทบกับงาน เมื่อเข้าใจสไตล์การทำงานของตัวเองแล้ว ก็จะไม่รู้สึกทุกข์ใจกับการอยู่คนเดียว อย่างอาชีพนักเขียน ศิลปิน ซึ่งต้องการเวลาที่ส่วนตัวมากๆ เวลาทำงาน หากคนรอบข้างไม่เข้าใจกัน ก็จะส่งผลเสียทันที การอยู่คนเดียวจึงเป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย และเจอกันเมื่อถึงเวลา การรักในสิ่งที่ทำ จะช่วยให้อยู่คนเดียวอย่างมีความสุขได้ เพราะได้ทำสิ่งที่รักได้ตลอดเวลาที่ต้องการ เพื่อนผู้เขียน โสด ทำงานบริษัท บ่อยครั้งที่เลิกงานดึก เสาร์อาทิตย์บางทีก็ยังเข้าบริษัท อยากทำงาน มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ก็ส่งผลดีทั้งการงานด้วยและไม่เหงาเช่นกัน

 

ความรัก ชีวิตคู่

การมีความรัก หรือชีวิตคู่ เป็นประสบการณ์ที่จะต้องผ่านและรู้ว่า ในความรักหรือชีวิตคู่นั้น ความทุกข์หรือสุข อะไรมันมากกว่ากัน และตัวเอาเองนั้น ชอบแบบใดมากกว่ากัน บางคนเคยมีแฟน ก็มีแต่ปัญหา ทะเลาะกัน ทำให้ไม่อยากจะมีชีวิตคู่อีก เมื่อเริ่มมีความสุขกับการอยู่คนเดียวจนเคยชินแล้ว ก็จะไม่รู้สึกว่า ชีวิตคู่เป็นเรื่องสำคัญ กลับรู้สึกดีเสียอีก ไม่ต้องห่วงใคร ไม่มีใครมาเป็นเจ้าชีวิต

บางคนก็เลือกที่จะไม่มีชีวิตคู่ เพราะอยากจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ไม่อยากจะผูกพันธ์กับใคร บางคนมีความตั้งใจที่จะเข้าทางธรรม การเป็นผู้ที่เข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์จริงๆ เมื่อเข้าใจ ก็จะไม่คิดถึงเรื่องความรักหรือการมีคู่ จึงสามารถอยู่เป็นโสด อยู่คนเดียวได้โดยไม่รู้สึกทุกข์ใจ หรือเหงา อย่างที่คนส่วนใหญ่เป็นอยู่

แต่หากยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ความรัก ไม่เคยมีคู่เลย ก็เป็นเรื่องดี เพราะจะไม่มีความรู้สึกว่า คิดถึงใคร หรือทุกข์ใจ เพราะความรู้สึกแบบนั้น มันไม่เคยเกิดขึ้นนั่นเอง นึกไม่ออก ว่าโดนจูบครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ก็จะไม่รู้สึกว่าทุกข์ และสามารถอยู่คนเดียวได้คนไม่เคยมีประสบการณ์ความรัก ไม่เคยมีแฟนเลย นั้นเป็นเรื่องดีมาก แต่ในชีวิตคนเรานั้น น้อยคนมากที่จะไม่มีคู่ บางคนคู่มาตอนอายุ 60 กว่า หมด.... หมดกัน ใจแตกเละเทะ

 

สังคม การคบคน

ความเข้าใจเรื่องของสังคม การคบคน มีผลทำให้เราสามารถอยู่คนเดียวได้ อย่างสบายใจ หากสังคมไม่ใช่แบบที่เราต้องการ หรือสิ่งที่เราต้องการเป็น สังคมรับไม่ได้ เช่น การมีชีวิตนักเขียนที่โลกส่วนตัวทั้งกว้างทั้งสูง ยากที่คนจะยอมรับ ก็ต้องฉีกตัวเองมาอยู่ในโลก ในสังคมที่เราต้องการ ก็คือที่ที่ตัวเราเพียงคนเดียว และมีความสุข การคบคนนั้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตาม เวลาโอกาส ของมันไปเอง งานแต่ง งานศพ การพบปะ สังสรรค์ ก็ปล่อยให้เป็นไป เจอก็เจอ ไม่เจอก็ไม่เจอ ไม่ต้องไปบังคับ กะเกณฑ์อะไร

 

ใช้หนังสือข้อคิด ธรรมะ เป็นยารักษาอาการเหงา

หนังสือที่ให้ข้อคิดที่ดี ธรรมะ ที่อ่านในเวลารู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว ทำให้รู้สึกดีขึ้น ต้องพกติดตัว ติดบ้าน ใช้หนังสือเป็นเหมือนยารักษาอาการเหงา อ่านหลังอาหาร วันละ 3 เวลาหรืออ่านทันทีเมื่อรู้สึกเหงา ซึ่งจะช่วยดึงสติให้กลับมาได้ เพราะจิตของคนเรานั้นจะคิดเรื่องต่างๆ อยู่ตลอดเวลา บางทีคิดไปคิดมา เพลินไปหน่อย ปรุงแต่งอารมณ์ไปเรื่อย จากที่อยู่คนเดียวก็พบว่า มีความสุขดี แต่อยู่ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเหงา ทุกข์ เศร้า ก็เพราะจิตฟุ้งซ่าน ก็ต้องรีบทานยา

 

ความเข้าใจกระแสสังคม วัตถุนิยม

หากเข้าใจกระแสสังคม วัตถุ อย่างดีแล้ว จะรู้ว่า สิ่งเหล่านี้ก็แค่ช่วยคั่นเวลา สร้างความสุขจอมปลอม ไม่ให้เรารู้สึกเหงา หรือคั่นเวลาไม่ให้เราได้ทำความรู้จักตัวเอง หากเข้าใจสิ่งเหล่านี้อย่างดีแล้ว ไม่ว่าตัวเองจะอยู่ในกระสังคม หรือหลุดกระแส หรือวัตถุไม่นิยม ก็ตามแต่ก็จะไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ไปรั่ว หลุดโลก อยู่แถวไหนก็ได้

 

ชีวิตสันโดษ สมถะ

การมีชีวิตสันโดษ สมถะ อยู่กับธรรมชาติ อย่างเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่นและเข้าใจธรรมชาติ รู้จักตัวเองว่าต้องการชีวิตแบบใด แบบไหน และคนอื่นเหมือนหรือต่างจากเรา ทำไมเราอยู่กับคนอื่นไม่ได้ และคนอื่นอยู่กับเราไม่ได้ สไตล์ต่างกัน เรามีความสุขในแบบของเรา เมื่อเข้าใจก็มีความสุขในความโดดเดี่ยว

 

ปักหมุด ความสุข ที่เจอแต่ละวัน

การอยู่คนเดียว เราสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ และค้นพบความสุขที่หลากหลาย เช่น การอ่านหนังสือ จิบกาแฟยามเช้า เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ การปักหมุดความสุข จดจำความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นเก็บไหว้ เวลาที่เหงา หากได้กลับไปทำกิจกรรมเหล่านั้นก็จะสร้างความสุขได้ทัน

 

การเข้าถึงธรรมชาติ

หากลองมองไปรอบตัวแล้ว ก็มีสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อยู่ตัวเดียว แล้วทำไมอยู่ได้ การหาโอกาสออกไปผจญภัยกับธรรมชาติเพียงลำพังคนเดียว ก็จะเริ่มซึมซับความสุขจากธรรมชาติ ช่วงแรกอาจจะรู้สึกอึดอัด น่าเบื่อ แต่อยู่ไปสักพัก ก็จะเริ่มค้นพบความสุขกับการอยู่คนเดียวท่ามกลางธรรมชาติ เช่น ไปกางเต็นท์ตามอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีความปลอดภัย และได้ลองใช้ชีวิตสงบๆ คนเดียว

เมื่อได้สัมผัสความสุขจากธรรมชาติสักครั้ง ต่อไปก็จะรู้ว่าเองจะหาความสุขจากธรรมชาติได้อย่างไร และอย่างเข้าใจ ไม่ต่างจากการสัมผัสความสุขด้านอื่นๆ

 

การปล่อยวาง

การปล่อยวางเป็นเรื่องยากที่สุด ปล่อยวางทุกเรื่อง แล้วมองดูความรู้สึกที่เกิดขึ้น เหมือนแยกร่างตัวเองออกเป็น 2 ร่าง เชื่อว่าทุกคนเคยคุยกับตัวเอง เวลาทุกข์ ก็ลองดูว่า มันจะทุกข์ไปอีกนานมั๊ย คุยกันเองเลย เหมือนมี 2 ร่างในตัวเอง ให้อีกร่างหนึ่งอีกความคิดหนึ่ง เป็นตัวทุกข์ อยากจะคิดอะไร อยากจะรู้สึกอะไร อีกความคิดหนึ่ง ก็ลองคุยกัน แล้วมองดูเฉยๆ ไม่ต้องไปใส่ใจ การฝึกแบบนี้ใช้เวลานานที่สุด แต่คุ้มค่ามาก หากทำได้ ก็จะอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุขอย่างแท้จริง แต่กว่าจะผ่านมาถึงด่านนี้ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ตั้งใจจะอยู่คนเดียวจริงๆ และลงมือทำในรูปแบบต่างๆ จนค้นพบความสุขจากการใช้ชีวิตคนเดียว สามารถปล่อยวางทุกอย่างได้หมด กระแสสังคม วัตถุ การคบค้าสมาคมกับผู้คน ความรัก ชีวิตคู่ ฯลฯ

เมื่อปล่อยวางได้ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ต้องเป็น ต้องไป มันก็แค่นั้นเอง ความโดดเดี่ยวไม่ได้โหดร้ายอะไรเลย มันมีเหตุที่คนเรายังจะต้องติดต่อกันอยู่ ถ้าหมดเวลาของมันแล้ว ต่อให้พยายามจะเจออย่างไร ก็ไม่มีทางได้เจอ

 

ลงมือศึกษาธรรมะ หลักธรรม ข้อคิด

การศึกษาธรรมะแนะนำให้เข้าวัดสายวัดป่า ซึ่งจะมีโอกาสค้นพบสัจธรรมในชีวิต ตามหลักพุทธศาสนา หากเข้าใจอย่างดีแล้ว ก็จะไม่รู้สึกว่า การอยู่คนเดียว เป็นเรื่องที่โดดเดี่ยวแต่อย่างใด อาจจะมีบ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหามากนัก เดี๋ยวก็ผ่านไป

 

แนวทางที่ผู้เขียนกล่าวมาทั้งหมดนั้น ต้องขอบอกว่า ไม่ได้ง่ายนะ กว่าจะถึงวันที่สามารถอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขได้ ต้องลงมือทำ ต้องผ่านอะไรมากมาย เจอประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ และใช้เวลานานเป็นปีๆ กว่าจะเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่คนเดียวได้โดยไม่เป็นทุกข์ ไม่ใช่อ่านบทความนี้แล้ว บรรลุ สามารถอยู่คนเดียวได้เลย แต่หากอ่านแล้วคิดตาม คิดย้อนกลับไปถึงอดีตเก่าๆ วิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ก็จะมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพราะชีวิตของแต่ละคนนั้น เชื่อว่าผ่านอะไรมากไม่น้อย เพียงแต่ อาจจะไม่มีเวลาให้ได้หยุดคิด ทบทวน ข้อดีข้อเสียในแต่ละเรื่องที่ได้เดินผ่านมา

 

ที่กล่าวมาเป็นแค่แนวทางปฏิบัติเท่านั้น แต่มันก็คุ้ม หากอายุขัย 70 ปี แต่สามารถค้นพบตัวเอง และอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขได้ ก่อน 50 หรือเร็วกว่านั้น ก็จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข แต่หากใกล้จะ 70 แล้ว ก็ยังอยู่คนเดียวไม่ได้ ทุกข์หนักแน่นอน เพราะตอนนั้น คนรอบตัวจะเหลือกี่คน โดยเฉพาะหากเป็นคนโสดด้วยแล้ว จะยิ่งทุกข์หนัก การเรียนรู้การอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข จึงเป็นเรื่องสำคัญ