บทความนี้จะมาแนะนำวิธีประหยัดเงินกับเน็ตบ้านที่จะต้องจ่ายทุกเดือน รวมทั้งปีก็หลักพันหลักหมื่นบาท มีวิธีช่วยประหยัดเงินได้เกินเท่าตัว และความเร็วที่ได้ ก็ยังเพียงพอต่อการใช้งาน ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการวางตำแหน่งเราเตอร์ให้อยู่ในจุดที่กระจายสัญญาณได้ดี หรือ ใช้ตัวขยายสัญญาณมาช่วย

 

สำหรับใครที่เน้นใช้เน็ตบ้าน เพื่อเอาไว้ใช้งานที่ไม่ใช่เป็นการใช้งานค่อนข้างหนัก อย่างการอัปโหลดวิดีโอ ทำช่องยูทูป สตรีมเกม เน้นดาวน์โหลด อัปโหลดข้อมูลมากๆ แต่เป็นการใช้งานทั่วไป ดู Youtube ใช้เฟสบุ๊ค อ่านข่าว สแกนจ่ายเงิน ให้ลูกหลานเรียนออนไลน์ อาจจะไม่จำเป็นจะต้องใช้เน็ตความเร็วสูงมากนัก ก็จะช่วยประหยัดเงิน
1. ตัวอย่างโปรเน็ตบ้านแบบต่างๆ เช่น 390 บาทต่อเดือน ความเร็วที่ได้ ความแรงของสัญญาณเน็ต จะน้อยกว่า แบบ 590 บาทต่อเดือน
2. สิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบก็คือ แบบใดที่เพียงพอต่อการใช้งานของผู้อ่าน เช่น ใช้แบบ 390 ความแรงก็เพียงพอแล้ว แต่เชื่อพนักงานขาย ที่ยุให้เลือกแบบ 590 บาทต่อเดือน ซึ่งเกินความจำเป็นต้องใช้งาน ก็จะเสียเงินเปล่า

 

เน็ตบ้านราคาสูง เน็ตแรง

สำหรับเน็ตบ้านที่มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูง เน็ตแรง ก็จะกระจายสัญญาณไปได้ไกล
1. ตัวอย่างเน็ตบ้านแรงๆ เช่น 899 บาท/เดือน (500 Mbps) และ 900 บาทต่อเดือน (700 Mbps) ลองนึกภาพก็แล้วกันว่า มือถือที่เราใช้งานกันอยู่นั้น ส่วนใหญ่ก็เชื่อมต่อได้ความเร็วไม่ถึง 10 Mbps


2. ในการใช้งานเน็ตแรงๆ เช่น 899 บาทต่อเดือน ความเร็ว 500 Mbps โดยติดตั้งเน็ตไว้ที่บ้าน A. บ้าน C. ก็สามารถรับได้สบาย สัญญาณไปถึง
3. ข้อเสียของโปรเน็ตแบบนี้ ก็คือ ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน กรณีนี้หากต้องการลดค่าใช้จ่าย ใช้เน็ตที่ความเร็วช้าลง จ่ายน้อยลง ก็สามารถทำได้ อ่านในหัวข้อถัดไป

 

เน็ตบ้านราคาถูกลง ข้อดี ข้อเสีย

หากพบว่า เน็ตที่ใช้งานนั้นมีความแรงของสัญญาณมากเกินความจำเป็น การเลือกโปรเน็ตที่ถูกลงจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
1. ตัวอย่างโปรเน็ตแบบ 299 บาทต่อเดือน ความแรง 200 Mbps วิธีนี้จะช่วยประหยัดเงินต่อปี อย่างมาก
2. เมื่อลดความแรงลง ปัญหาที่จะตามมากก็คือ ขอบเขตการปล่อยสัญญาณจะไปได้ไม่ไกล ตัวอย่างเช่น บ้าน C. ที่อยู่ห่างออกไปจะไม่ได้รับสัญญาณเน็ต ใช้ได้แค่เพียง บ้าน A. และ B. เท่านั้นเอง โดยเฉพาะในช่วงอากาศไม่ดี สัญญาณเน็ตจะมีปัญหา


3. ในบางกรณีแม้จะเป็นอาคาร บ้าน ที่อยู่ติดกันก็ตาม อย่าง บ้าน และ ร้านค้า ที่เปิดขายของ หน้าบ้าน ข้างบ้าน ติดบ้าน ก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย หากเลือกเน็ตบ้านที่ช้า สัญญาณเน็ตไม่แรง อย่าง 299 บาทต่อเดือน ความแรง 200 Mbps
4. ในกรณีจะต้องใช้เน็ต อย่างการสแกนจ่ายเงิน รับเงิน ก็จะสร้างปัญหา เน็ตช้า เสียเวลาทำงาน ทั้งตัวเอง และ ลูกค้า
5. ตัวแปรที่ทำให้สัญญาณเน็ตแย่ เช่น ผนังบ้าน สิ่งกีดขวาง และสภาพอากาศ
6. ตัวแปรที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การวางตำแหน่งเราเตอร์ ไม่เหมาะสม วางในที่ที่มีสิ่งกีดขวางสัญญาณมากเกินไป ปิดกั้นสัญญาณที่ปล่อยออกจากเสาของเครื่อง

 

แนวทางปรับแต่งเน็ตบ้านให้แรงและประหยัดเงิน

1. การใช้เน็ตบ้านราคาประหยัดเช่น 299 บาท/เดือน ความเร็ว 200 Mbps
2. สัญญาณเน็ตจะไปได้ไม่ไกล เช่น บ้าน B. ยังพอรับสัญญาณเน็ตจากบ้าน A. ได้ แต่ บ้าน C. ไม่มีสัญญาณ
3. หรือแม้ว่าตำแหน่งจะอยู่ใกล้กัน ก็รับสัญญาณไม่ได้ เช่น บ้าน D. และ ร้านค้า E.


4. แนวทางแก้ไขปัญหา เบื้องต้น ให้ย้ายตำแหน่งเราเตอร์ให้อยู่ในจุดที่ปล่อยสัญญาณได้ดี เช่น ให้เสาของเราเตอร์อยู่แนวเดียวกัน รู ช่อง ปล่อง ที่ไม่มีอะไรปิดกั้น เช่น ช่องลม


5. จากนั้นก็ตรวจวัดความเร็วสัญญาณเน็ตที่ได้ โดยไปยืนในตำแหน่งต่างๆ เช่น ไปยืนหน้าบ้าน C
6. ในมือถือแตะเปิดแอป Chrome
7. ไปที่เว็บไซต์ fast.com/th หรือจะใช้แอปอื่นก็ได้ ตามสะดวก
8. แตะคำสั่ง ให้เริ่มตรวจเช็คความเร็วเน็ต
9. ตัวอย่างความเร็วเน็ตที่ได้ 5.2 Mbps ก็ถือว่าเร็ว แต่ถ้าหน่วยที่ได้ เป็น kbps จะถือว่าช้า
10. ลองเปิดแอป Youtube เพื่อดูว่า สามารถเปิดวิดีโอได้หรือไม่ ความเร็วในการเล่นวิดีโอสะดุด ช้า หรือไม่


11. กรณีตรวจสอบความเร็วเน็ต แล้วได้ค่าเป็น 0
12. ก็แสดงว่า ตำแหน่งวางเราเตอร์ใน บ้าน A. ไม่เหมาะสม ต้องทดลองวางตำแหน่งต่างๆ แล้ววัดความเร็วเน็ตอีกครั้ง
13. กรณีที่ไม่ว่าจะพยายามวางตำแหน่งใดๆ แล้ว บ้าน C. ก็ไม่สามารถรับสัญญาณได้ ให้ซื้อตัวขยายสัญญาณ 200 กว่าบาท มาช่วยเพิ่มสัญญาณเน็ต
14. ส่วนการจะติดตั้ง ตัวขยายสัญญาณเน็ต ที่จุดใดนั้น ให้ไปยืนจุดนั้น เช่น ยืนที่ตำแหน่ง ก. แล้วเช็คความเร็วเน็ตในมือถือ เพื่อดูว่าจุดนั้น รับเน็ตได้เร็ว มากน้อยแค่ไหน หากรับสัญญาณเน็ตได้น้อย ตัวขยายสัญญาณ ก็จะส่งต่อสัญญาณได้น้อยเช่นกัน หรือจะใช้วิธีง่ายๆ ก็คือ จะต้องให้ WiFi เราเตอร์ในบ้าน A. และตัวขยายสัญญาณ ไม่มีอะไรมาขวางกัน สามารถมองเห็นอุปกรณ์ทั้งคู่ได้


15. ส่วนวิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การใช้ตัวขยายสัญญาณเน็ต แบบต่อผ่านสายแลน แต่ความแรงจะจำกัดที่ไม่เกิน 100 Mbps 
16. คราวนี้ก็ต่อสายแลนจากไวไฟเราเตอร์ที่บ้าน A. ไปบ้าน B. หรือ C. หรือกรณีมีหลายชั้น ก็เดินสาย Lan ไปแต่ละชั้น แต่ละห้องได้เลย
17. กรณีที่ไกลกันมาก ก็อาจจะต่อไปไว้แค่บ้าน B แล้วกระจายสัญญาณเน็ตให้บ้าน C. ด้วยวิธีดังที่กล่าวมา คราวนี้เน็ตเร็วขึ้นแน่นอน

 

สรุป

การลดค่าใช้จ่ายกับเน็ตบ้าน สิ่งที่ควรจะต้องรู้ก่อนก็คือ ความเร็ว ความแรง ในการใช้เน็ตของผู้อ่านนั้น มากน้อยเพียงใด หากรู้ข้อมูลนี้แล้ว ก็จะช่วยให้เลือกใช้เน็ตความเร็วได้อย่างเหมาะสม อย่างผู้เขียนใช้ซิมเน็ตรายปี แบบ 10 Mbps ก็เพียงพอแล้ว จ่ายครั้งเดียวประมาณ 1200 บาท ใช้ทั้งปี เสียบกับตัวปล่อยสัญญาณเน็ตหรือไวไฟที่ใส่ซิมได้ และหากต้องการความแรงมากขึ้น ก็แค่ใช้ตัวขยายสัญญาณช่วย ก็เท่านั้นเอง ประหยัดเงินกว่าการใช้เน็ตบ้านอย่างมาก