น้อยคนจะรู้ถึงความร้ายกาจของการคิดลบ คิดไม่สร้างสรรค์ คิดแต่ไม่ดี ขี้บ่น คิดร้าย ปากร้าย ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้างอย่างมาก ทั้ง แบบฉับพลันทันทีและแบบสะสม โดยเฉพาะบางคนที่ไม่รู้ตัว หรือคนประเภทไม่เคยมองว่าตัวเองผิดเลย

 

การคิดลบ คิดแต่เรื่องไม่ดีก็มักจะส่งผลให้เกิดอาการคันปาก และอาจจะกลายเป็นคนที่ชอบบ่น ชอบระบายปัญหา ดุด่าว่าคนอื่น ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตมีปัญหากับคนรอบข้าง ทะเลาะเบาะแว้งกัน นั่นคือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในทันที หากคนฟังเกิดไม่พอใจ แต่ผลระยะยาวที่หลายคนอาจจะไม่รู้ ก็คืออาการป่วยทางจิตที่จะเกิดกับ เจ้าตัวนั่นเอง การได้บ่น การได้ระบาย คิด พูดและกระทำสิ่งไม่ดีอยู่เสมอ ใช่จะเป็นเรื่องดี อย่าไปคิดว่าได้ระบายแล้วสบายใจ ต้องรู้ถึงผลร้ายที่จะตาม มาด้วย

 

การระบายออกของการคิดลบยอดนิยมของคนไทยก็คือผ่านโซเชียลด้วยการโพสต์ระบาย หรือการคอมเมนต์ใน Facebook, Youtube หรือโซเชียลอื่นๆ ไปที่ไหนจะพบข้อความลบๆ ด่ากัน อิจฉา ริษยา ตำหนิ ประชดประชน จับผิด เรื่องนี้ก็ไม่เป็นผลดีทั้งคนปฏิบัติและคนที่ชอบเสพดราม่าเหล่านี้ เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตามให้ทัน เพราะเมื่อเสพเข้าไปมากๆ ก็จะเริ่มกลายเป็นคนหงุดหงิดโมโหง่าย โกรธง่าย หากพบว่าตัวเองมีอาการแบบนี้ ก็ต้องรีบหาทางหยุด

 

การคิดลบ คิดไม่ดี เป็นการสร้างยาพิษในร่างกายเราเอง

เมื่อความคิดลบ ความคิดไม่ดี สะสมในตัวมากๆ อาการก็จะแสดงออกด้วยการบ่น ด่า ระบายแต่ปัญหา กลายเป็นคนที่เครียดอยู่ตลอดเวลา สาเหตุอาจ จะมาจากคนรอบตัว คู่ชีวิต ลูกหลาน เพื่อนฝูง นำปัญหามาให้หรือต้องเจอะเจอในครอบครัว ที่ทำงานหรือเป็นคนที่คิดลบอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะเมื่อสะสมมากๆ จะกลายเป็นความเครียด กลายเป็นคนเครียด ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพจิตแต่ยังอาจจะทำให้เกิดโรคทางร่างกายหลายอย่างตามมา โรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน เป็นต้น

 

การมีคนรอบข้างหรือแม้แต่ตัวเราเองก็ตาม หากมีพฤติกรรมคิดลบ ขี้บ่น ชอบระบายปัญหา ชอบด่า คนนั้น นินทาคนนู้น ก็ควรจะรีบหยุด และหาทางรักษาตัวเอง ก่อนจะสะสมจนป่วย จนเครียด เพราะการใช้คำพูดในเชิงลบ พูดกรอกหูตัวเองบ่อยๆ การอ่าน การดูวิดีโอที่ก้าวร้าว มีความรุนแรง (จริงๆ แล้วเป็นการบ่นให้คนอื่นฟัง แต่ก็เข้าหูตัวเอง ด้วย) ก็ไม่ต่างอะไรกับการฉีดสารพิษใส่ตัวเอง เราจะเห็นว่า คนประเภทนี้ จะไม่น่าคบ หน้าตาเหมือนคนมีปัญหา หน้านิ่วคิ้วขมวด อารมณ์เสียแทบ ตลอดเวลา และลงท้ายด้วยไม่มีใครคบ

 

การเป็นผู้ฟังหรือที่ระบายของคนคิดลบสุดท้ายก็จะป่วยเช่นเดียวกัน

ในครอบครัว เพื่อนฝูง ที่ทำงาน อาจจะมีใครสักคนหรือหลายคนที่มีปัญหา จงอย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นได้ระบายปัญหาหรือพยายามทำตัวเป็นผู้ฟัง เป็น ผู้ช่วยระบายความเครียด เพราะบางคนจะชอบบ่นเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ การรับฟังปัญหาบ่อยๆ เข้าก็จะเริ่มสะสมและเจ็บป่วย ปวดหัวทันทีที่ได้ยินเสียงคนบ่น หรือแค่คิดถึงหน้าก็จะปวดหัวเช่นกัน


หากเป็นคนใกล้ตัว คนในครอบครัว คู่ชีวิต ก็ควรจะพูดกันให้เข้าใจถึงผลเสียที่จะตามมา อย่าเอาแต่คิดว่า ขอบ่น ขอระบายหน่อย นานๆ ทีทำได้ แต่อย่าทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย

เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับคนคิดลบซึ่งอาจจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ก็ต้องรีบเตือน รีบแจงให้หยุดพฤติกรรมเพราะสุดท้ายก็จะป่วย และไม่มีใคร คบ คนฟังเองก็เช่นกัน อย่าทำตัวเป็นที่รองรับอารมณ์ เพราะเมื่อสะสมจนเต็มแล้วก็จะป่วยเช่นกัน กลายเป็นคนขี้หงุดหงิดไม่รู้ตัว เครียดทั้งๆ ที่ชีวิตไม่ ได้มีปัญหาอะไรเลย

 

จากประสบการณ์ส่วนตัวเคยคบกับเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งมีปัญหาชีวิตหลายเรื่อง หลายปีที่รู้จักกันก็จะบ่น หรือระบายปัญหาแต่เรื่องเดิมๆ เกี่ยวกับปัญหาครอบ ครัว ญาติพี่น้อง ลูกค้า เพื่อนฝูงที่ทำให้ตัวเองเจ็บ เมื่อบ่นมากๆ บางครั้งก็อารมณ์ขึ้นเหมือนคนบ้า ส่วนผมในฐานะคนฟัง เมื่อฟังบ่อยๆ เข้า หลายปีผ่านไป สะสมความคิดลบๆ คำพูดลบๆ มากๆ ก็เริ่มป่วย กลายเป็นคนที่เครียดมาก ทั้งๆ ที่ชีวิตไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่มามีปัญหาเพราะคำพูดลบๆ เหล่านั้นเริ่มออกฤทธิ์นั่นเอง


ฒยฬหลังจากที่คิดมากจนเครียด ขับรถเฉี่ยวกับสิบล้อ ตั้งแต่นั้นก็ตัดสินใจเลิกคบ และตั้งใจว่า หากเจอคนคิดลบ พูดไม่สร้างสรรค์ ขี้บ่น ขี้นินทา ก็จะไม่เข้าใกล้อีกเลย เพราะผลร้ายที่ตามมานั้น ร้ายกว่าที่คิดไว้มาก

คำพูดลบๆ ข้อความลบๆ ไม่สร้างสรรค์ คมและร้ายยิ่งกว่าอาวุธและยาพิษ ดังนั้นจงตั้งสติตามตัวเองให้ทัน อย่าปล่อยให้กลายเป็นคนคิดลบ ส่วนคนรอบข้างก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้ เป็นคนขี้บ่น พูดอะไรแต่ด้านลบ เพราะไม่ใช่เรื่องดีเลย