การบริหารเงินเป็นสิ่งสำคัญและส่งผลให้รวยได้ แม้จะมีเงินเดือนน้อย รายรับน้อย ก็มีโอกาสรวยได้เหมือนกัน รายได้มาก หรือรายได้น้อย จึงมีโอกาสรวยได้เหมือนกัน การบริหารเงินเป็นสิ่งที่ยากที่สุด คนที่ทำได้จึงมีเป็นส่วนน้อย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มคนมีฐานะ

 

คนส่วนใหญ่ไม่สามารถบริหารเงินที่หามาได้ จึงยากที่จะสร้างฐานะให้ร่ำรวย เพราะทุกวันนี้มีกิเลศมากมายที่ยั่วยวนให้เกิดความอยากใช้เงินเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แม้จะมีรายได้มาก แต่ก็ใช่จะมีโอกาสร่ำรวย เพราะกิเลศความอยากก็มากตามไปด้วย เงินก็ไม่เหลือ คนที่มีรายรับมากบางคนมองภายนอก เหมือนเหมือนว่าดูดี มีฐานะ มีบ้าน มีรถ แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะทั้งบ้าน ทั้งรถก็ยังต้องผ่อน หากลบหนี้ออกไปแล้ว ทรัพย์สมบัติที่เหลือยู่จริงๆ อาจจะไม่มากนัก

สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คนเรารวยได้ แม้จะมีเงินเดือนน้อย ก็คือ การรู้จักบริหารเงิน โดยเฉพาะการนำเงินไปช่วยทำงานให้เกิดรายได้ ซึ่งจะทำให้เงินเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งก็มีหลายวิธี การเล่นหุ้น การซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้ ลงทุนทำกิจการส่วนตัว ฯลฯ

การเล่นหุ้นเป็นตัวอย่างของคนรวยแบบก้าวกระโดดที่เห็นได้ชัดเจน ในบางคนโดยเฉพาะคนที่เล่นแบบเน้นปันผล เลือกหุ้นที่ดี ไม่เสี่ยง มีปันผลทุกปี ซึ่งจะได้เงินปันผลประมาณ 3-5% ต่อปี เงินต้น 1,000,000 บาท ก็จะได้ประมาณ 30,000 - 50,000 บาท ต่อปี มากกว่าการฝากธนาคาร เงิน 1,000,000 บาท ได้ดอกเบี้ยประมาณ 6,000 กว่าบาทเท่านั้น

 

บางคนซื้อหุ้นแบบนี้ แทนที่จะซื้อรถ ซื้อบ้าน เมื่อผ่านไปเป็นสิบปี ก็ย่อมจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทั้งเงินปันผล ทั้งราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น เงินก็เพิ่มขึ้น เช่น ซื้อหุ้นๆ ละ 20 บาท หรือแพงกว่านั้น แต่หุ้นปรับตัวขึ้นทุกปี ผ่านไปสิบกว่าปี บางหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นหุ้นละ 400 บาท จะเห็นว่า จำนวนเงินต้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่คือโอกาสรวย แต่ความรวยนั้นไม่ได้มาง่ายๆ อาจจะใช้เวลาเกิน 10 ปี หรือ 20 ปี แต่จะสบายในบั้นปลายของชีวิต

 

คนที่จะสามารถทำแบบนี้ได้ ต้องมีวินัยการเงินสูงมาก ลองนึกภาพคนมีเงินเดือนสัก 30,000 บาท แต่ใช้เงินซื้อหุ้นทุกเดือนๆ ละ15,000 - 20,000 บาท ทำแบบนี้ไปเป็นสิบปี ยี่สิบปี ก็ย่อมจะรวยอย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่การเก็บเงินในบัญชี ก็จะได้ไม่ต่ำกว่า 180,000 - 200,000 บาทต่อปีแล้ว การซื้อหุ้น หากหุ้นปรับตัวสูงขึ้น เช่น เงิน 200,000 บาท ซื้อหุ้นๆ ละ 20 บาท ได้ 10,000 หุ้น ผ่านไป 15 ปี ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นเป็น 400 บาท นั่นหมายความว่า เงินก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 x 400 = 4,000,000 บาท จากเงิน 200,000 มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 4,000,000 บาท คนเล่นหุ้นหลายคนรวยด้วยวิธีนี้ เพราะบางคนซื้อหลักล้านบาท แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ง่ายนัก กับโอกาสรวยแบบนี้

 

แต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ ต้องมีวินัยการเงินสูงมาก คนส่วนใหญ่เมื่อมีเงิน ก็มักจะซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตัวเอง ซื้อรถ บ้าน หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จึงยากที่จะรวย

 

การบริหารเงินมีหลายแบบ บางคนซื้อบ้าน ซื้อคอนโดให้เช่า ซื้อที่ดินไว้เก็งกำไร ขายสินค้า ซื้อมาขายไป ฯลฯ ไม่ว่าจะบริหารเงินแบบใด ก็ตาม แม้จะมีเงินเดือนน้อย แต่ก็มีโอกาสรวยได้ หากรู้จักบริหาร นำเงินไปต่อยอด ส่วนบางคนแม้จะมีรายรับมากแค่ไหนก็ตาม หากไม่รู้จักนำเงินไปต่อยอด สร้างรายได้ หลังสิบปีผ่านไป คนมีเงินเดือนหมื่นกว่าบาท ก็มีโอกาสรวยกว่าคนที่มีเงินเดือนหลักแสนได้เช่นกัน

 

ปัจจุบันนี้มีโอกาสรวยแบบก้าวกระโดดสูงกว่าเมื่อก่อน โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต บางคนคิดสินค้าขึ้นมาแล้วทำแฟรนไชส์ มีคนซื้อจำนวนมาก ก็รวยได้ในเวลาไม่กี่เดือน ในหนึ่งปี อาจจะรวยเป็นสิบล้านไม่ต้องรอนานเป็นสิบปี เหมือนการเล่นหุ้น สิ่งสำคัญก็คือ การลงมือทำๆๆๆ มีเงินมากหรือน้อยก็พยายามนำเงินไปบริหารลงทุนด้านต่างๆ หลายแบบ ต้องมีโอกาสรวยได้สักวัน อย่างแน่นอน

 

แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ จะอดทนต่อกิเลศสารพัดได้อย่างไร ไหนจะคำพูดของคนรอบข้าง ในระหว่างที่กำลังใช้เงินลงทุนทำอะไรบางอย่างอยู่นั้น เช่น การเล่นหุ้น หลายคนตั้งเป้าว่า จะต้องซื้อหุ้นให้ได้ตามเป้าหมายเมื่อเวลาผ่านไป 15 ปี แต่ในระหว่างนั้น เงินเดือนที่หามาได้ อาจจะไม่มีเลย เพราะไปลงกับหุ้นแทบทั้งหมด ในระยะเวลา 15 ปีจึงอาจจะไม่มีรถ ไม่มีบ้าน และเหมือนคนไม่มีอะไรเลย หากเป็นแบบนี้ ย่อมจะหลีกหนีไม่พ้นคำบ่น คำด่า นินทา ดูถูกของคนรอบข้าง

 

ผู้เขียนมีโอกาสได้เห็นตัวอย่างของจริง ของคนแบบนี้ มีวินัยการเงินสูงมาก ผ่านไปสิบกว่าปี จนแน่ใจว่า หุ้นที่ได้ซื้อไว้นั้นมีผลตอบแทนกลับมามากพอแล้ว ก็ขายหุ้นบางส่วน ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อเมีย และลาออกจากงานมาใช้ชีวิตอย่างสงบ เพราะมีเงินเหลือกินเหลือใช้แล้ว แต่ในระยะเวลาประมาณ 15 ปีที่กำลังลงทุนอยู่นั้น ชีวิตไม่ง่ายนัก

 

คนรวยส่วนใหญ่มักจะมีวิถีชีวิตคล้ายกันแบบนี้ กว่าจะรวยได้ ต้องใช้เวลา แต่ทุกวันนี้ คนเยอะขึ้น มีโอกาสรวยเร็วกว่าเดิม เพราะมีช่องทางขายสินค้ามากขึ้น และสามารถขายเองได้ อีกทั้งในอินเตอร์เน็ตก็มีการแชร์ข้อมูลความสำเร็จมากมาย ช่องทางรวยมากมาย ข้อมูลที่จำเป็นจะต้องรู้ถ้าอยากจะรวย หาได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ยาก ก็คือ การเปลี่ยนวิธีคิด และการลงมือทำ แทนที่จะมานั่งบ่น ตำหนิตัวเอง ว่า ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ได้มีเงินเดือนมาก ฯลฯ จากนั้นก็สั่งเบียร์มากิน แก้กลุ้ม หรือ เอาเงินไปซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย เงินก็ไม่เหลือ

 

การมีเงินเดือนน้อย ต้องพยายามนำเงินไปหาทางลงทุน อย่าเอาเงินไปใช้ อย่าซื้อของฟุ่มเฟือยหรือสินค้าที่มีรายจ่ายสูงตามมา อย่าสร้างหนี้ ผู้เขียนเคยเจอมาหลายคน บางคนนั้นอยู่แบบเรียบง่ายมาก ไม่มีรถ ไม่มีการซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย มัธยัสมาก ก่อนจะซื้อบ้านเงินสดในเวลาต่อมา เล่นเอาอึ้งไปตามกัน ยอมอดออม เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า เพราะเมื่อซื้อบ้านได้แล้ว ราคาก็มีแต่จะปรับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันจากบ้านราคาแปดแสนกว่าบ้าน น่าจะปรับตัวขึ้นไปหลายล้านบาทแล้ว

 

การลงทุนกับความรู้

การลงทุนกับความรู้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวยได้เร็วขึ้น เพราะการเก็บเงิน ออมเงินอย่างเดียวไม่ทำให้รวย แต่หากลงทุนศึกษาหาความรู้ เช่น ศึกษาการทำแฟรนไชส์ ศึกษาการขายสินค้าผ่านเน็ต ฯลฯ เมื่อมีความรู้ ก็ย่อมจะมีช่องทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ความรู้อาจจะสามารถหาได้ฟรีจากเน็ต ใช้มือถือค้นหาได้ทันที แต่... การลงคอร์ส การเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์จะเป็นทางลัดมากกว่า เพราะมีการจัดระบบการเรียนอย่างเป็นระบบ ได้ผลมากกว่าการเรียนเอง รายรับน้อย เงินเดือนน้อย ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนกับความรู้ให้มาก

จริงๆ แล้วควรจะบ่นว่า ทำไมกูขี้เกียจแบบนี้ว่ะ ทำไมกูไม่ขยันเหมือนคนรวยเหล่านั้น ทำไมต้องเป็นกู ทำไมๆๆๆๆ เชื่อเถอะว่า ถ้าบ่นอย่างนี้ รู้จักโทษตัวเองอย่างนี้ และแก้ไขตัวเอง เปลี่ยนตัวเอง ก็มีโอกาสรวยแน่นอน