บทความนี้ จะมาแนะนำ 12 วิธี เอาชีวิตรอดสำหรับมือใหม่ที่มีรายได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจจะตกงาน หรือจำเป็นจะต้องใช้ เงินอย่างประหยัด หรือฝึกบริหารเงิน สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจจะบริหารเงินผิดพลาด ทำให้ต้องใช้จ่ายเงินมากเกินไป บทความนี้ เรียบเรียงจากประสบการณ์ตรง นำไปใช้ได้จริง แน่นอน

 

การฝึกทักษะการเอาตัวรอดกับรายได้น้อยๆ ต่อเดือน เป็นประสบการณ์ที่ทุกคนควรจะได้ผ่าน เพื่อไว้รับมือกับวันที่ชีวิตต้องตกต่ำ ย่ำแย่ เพราะคนเราไม่มีใครจะโชคดีได้ตลอดไป ชีวิตมีขึ้น มีลง ยามขึ้นก็ต้องรู้วิธีเอาตัวรอด ไม่ให้ล้ม ยามล้มก็ต้องรู้วิธีลุก เพื่อยืนให้ได้อีกครั้ง การเอา ตัวรอดหากมีรายได้น้อย นั้นมีหลายวิธี ตัวอย่างเช่น

 

1. กินข้าวเป็นเมนูหลัก

การกินข้าวเป็นเมนูหลัก ไม่ว่าจะทำอาหารกินเอง หรือซื้ออาหารตามสั่งก็ตาม วิธีนี้จะช่วยประหยัดเงินมากกว่า อิ่มท้องนานกว่า อย่ากินจุกจิก หรือสร้างพฤติกรรมการกินที่ทำให้เสียเงินมาก บางคนเน้นกินขนม หรืออาหารประเภทไว้กินเล่น ไม่อยู่ท้อง เช่น กินขนมปัง และ กาแฟ ในช่วงเช้า ไม่อยู่ท้อง และไม่มีคุณค่าทางอาหารมากนัก ไม่นานก็จะรู้สึกหิว และกินมากขึ้น ต้องจ่ายเงินมากขึ้น ยิ่งมีสมาชิกในครอบครัว มากเท่าใด รายจ่ายจะมากขึ้นเท่านั้น

 

2. คิดก่อนใช้เงินเสมอ

คิดก่อนใช้เงิน สิ่งที่ได้มาต้องคุ้มค่า และจงหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ขาดการวางแผน ตัวอย่าง กาแฟกระป๋องๆ ละ 15 บาท ซื้อวันละ 1 กระป๋อง รวม 450 บาทต่อเดือน หากเปรียบเทียบกับกาแฟแบบซอง 30 บาท ชงกินเอง ต้นทุนไม่เกิน 3 บาท เท่านั้นเอง การใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ ได้กลับคืนมายังมีอีกมาก ต้องคิดก่อนใช้เงินเสมอ

 

3. ใช้จักรยานแทนรถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์

การใช้จักรยานจะช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมาก และยังเป็นผลดีต่อสุขภาพ แนะนำจักรยานแม่บ้านมือสองจากญี่ปุ่น ปั่นสบาย นั่งสบาย คุ้มค่า กว่าแบบอื่น โดยเลือกขนาดล้อ 26-27 นิ้ว รองรับการปั่นระยะทางไกล 10-20 กิโลเมตร ได้สบายๆ ให้ที่สูบลมจักรยานด้วยเช่นกัน บางคน ซื้อแต่จักรยาน ไม่มีที่สูบลม พอลมหมด ก็ต้องจอดทิ้ง นอกจากนี้ก็ควรซื้อจาระบีไว้ซ่อมบำรุงรถด้วยเช่นกัน ไว้หยอดตามจุดหมุ่น ป้องกันการ สึกหรอ

 

4. กักตัวอยู่บ้าน เพื่อประหยัดเงิน

การอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน เงินทองก็จะไม่รั่วไหล ส่วนการออกนอกบ้าน การไปเจอเพื่อนฝูง ก็ต้องกิน ต้องใช้ มีแต่เรื่องเสียเงิน ยากจะหลีก เลี่ยง การไปเดินห้าง ตลาดสด ร้านค้า ก็มีโอกาสจับจ่ายใช้สอย ซื้อของใช้ที่ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า มีโอกาสทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ

 

5. ปลูกพืชผักกินเอง

การปลูกพืชผักไว้กินเอง จะช่วยประหยัดเงินเรื่องอาหาร การอยู่หอพัก อาจปลูกลงกระถาง มีพืชผักหลายชนิดที่สามารถปลูกได้โดยใช้ดินไมา มากนัก โดยเน้นผักกินใบเป็นหลัก แต่หากมีที่ดินในบริเวณบ้าน ก็จะสามารถปลูกพืชผักได้หลายชนิด ทั้งผักกินใบ หรือ ผล

 

6. ย้ายที่อยู่จากเมืองไปชนบท

หากงานที่ทำอยู่นั้น เป็นงานส่วนตัว การย้ายไปหาที่พักราคาประหยัด อย่างบ้านหรือหอพักในต่างจังหวัด ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1,000 บาท ยังมีให้เลือก โดยเฉพาะใกล้มหาวิทยาลัย หรือ สถานศึกษา จะมีหอพักค่อนข้างมาก ราคาไม่แพงมากนัก หรืออาจจะขอเช่าที่ดิน บ้านญาติพี่น้อง เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยทำสัญญาเช่า ให้ถูกต้องตามกฏหมาย เพราะญาติพี่น้องบางคน ก็ไม่อยากให้ใครไปอยู่ใกล้ กลัวจะมาแย่งสมบัติตัวเอง นี่ จึงเป็นเหตุที่ที่ทำให้บางคนกลับไปบ้านไม่ได้

 

7. ซื้ออุปกรณ์ทำอาหารพื้นฐาน

อุปกรณ์ทำอาหารพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนมีรายได้น้อย ไม่เช่นนั้นจะเสียเงินค่าอาหารค่อนข้างมาก เช่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า สำหรับคน โสดอยู่คนเดียว แนะนำหม้อขนาดเล็ก 0.3-0.6 ลิตร หรือคนมีครอบครัวแนะนำ 1.0 ลิตร ขึ้นไป นอกจากนี้ก็ควรมีอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น กระทะไฟฟ้า เตาแก๊สกระป๋อง หรือ แก๊สหุงต้ม จาน ชาม ช้อน

 

การหุงข้าวกินเอง จะช่วยประหยัดเงินอย่างมาก ข้าวสารหนึ่งถุง 5 กิโลกรัม ราคาประมาณ 80 บาทขึ้นไป จะหุงข้าวได้ประมาณ 33-48 จาน หรือต้นทุนจานละ 1.6 - 2.24 บาท สำหรับร้านที่ให้ข้าวน้อย อย่างข้าวไข่เจียวจานนี้ จะได้ไม่ต่ำกว่า 48 จานขึ้นไป ต้นทุนจานละ 1.6 บาทขึ้น ไป แต่ถ้าข้าวเต็มจานจะได้ประมาณ 33 จาน ต้นทุนประมาณ 2.24 บาทขึ้นไป

 

8. ทำอาหารกินเอง อย่าซื้ออาหารปรุงสำเร็จ

การมีรายได้ต่อเดือนค่อนข้างน้อย จำเป็นจะต้องทำอาหารกินเองเท่านั้น เพราะการซื้ออาหารสำเร็จต้องจ่ายเงินแพงมากเกินไป อย่าง ไก่ปิ้ง หมูปิ้ง 3 ไม้ๆ ละ 10 บาท กับเนื้อไก่ครึ่งกิโลกรัม 35 บาท ปริมาณต่างกันมาก

 

นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว อาจจะเน้นอาหารประเภทไข่ และผัก เป็นเมนูหลัก ก็จะช่วยประหยัดเงินได้อีกมาก อย่างข้าวไข่เจียวจานละ 30 บาท จานนี้ ต้นทุนข้าวประมาณ 1.6 บาท ไข่ 2 ฟองประมาณ 8 บาท รวมแล้วก็ประมาณ 10 บาทเท่านั้น แต่ส่วนต่างเป็นกำไรของทางร้าน

 

การซื้อข้าวแกง หรือแกงถุงก็เช่นกัน ปัจจุบันขายประมาณถุงละ 20 บาท ขึ้นไป ไม่ควรซื้อกับร้านอาหารตามสั่ง บางร้านขายแพงมาก อย่าง กะเพราหมูบางร้านขายถุงละ 60 บาท ซื้อหมูมาทำกินเองได้มากกว่านั้น อาหารปรุงสำเร็จมักจะมีราคาสูงกว่าต้นทุนจริงมากกว่าหนึ่งเท่าตัวขึ้น ไปเสมอ รายได้น้อย หากไม่จำเป็นจริงๆ ควรหลีกเลี่ยง ร้านอาหารมีหลายประเภท บางร้านขายแพงมากกก อย่างไข่เจียวจานนี้ 80 บาท ไข่ ประมาณ 3 ฟอง หรือประมาณ 12 บาท ต้นทุนทั้งหมดไม่เกิน 20 บาท เท่านั้นเอง

 

หากซื้ออาหารตามสั่งทุกมื้อ รายจ่ายจะค่อนข้างสูงมาก เช่น ข้าวไข่เจียว 30 บาท รวม 3 มื้่อ 90 บาท ต้นทุนต่อจานประมาณ 10 กว่าบาท รวม 3 มื้อ ต้นทุนประมาณ 30 กว่าบาท ที่เหลือ 50 กว่าบาท เป็นกำไรของทางร้านค้า ถ้าทำอาหารกินเองจะช่วยประหยัดไปอีกหลายมื้อเลยที เดียว

 

9. ทำอาหารกินเองต้องหลีกเลี่ยงเมนูต้นทุนสูง

ในการทำอาหารกินเอง จำเป็นต้องเลือกเมนูง่ายๆ ไม่มีเครื่องปรุงมากนัก อย่างเช่น ต้มยำไก่ ซึ่งจะมีทั้งเนื้อไก่ ตะไคร้ ขิง ข่า มะกรูด มะนาว มะขามเปียก พริกสด ฯลฯ การทำอาหารจะใช้เวลานานด้วยเช่นกัน เปลืองไฟฟ้า เปลืองแก๊ส อาหารแนวนี้ต้นทุนสูงมาก

 

การทำอาหารในลักษณะนี้ อาจจะซื้อแกงถุงสำเร็จ อย่าง แกงเขียวหวานไก่ 20 บาท ซื้อเนื้อไก่ครึ่งกิโลกรัม 35 บาท และมะเขืออีก 10 บาท มาเพิ่มลงไป รวมทั้งหมดประมาณ 65 บาท ขึ้นไป ได้แต่อาหารปริมาณค่อนข้างมาก ไม่ต้องซื้อเครื่องปรุง อาจจะเติมแค่เกลือกับน้ำเท่านั้น

 

10. ประหยัดเงินกับการซื้อสินค้าข้าวของเครื่องใช้

การซื้อสินค้าข้าวของเครื่องใช้ในปริมาณมากช่วยประหยัดเงิน เช่น สบู่นกแก้ว 4 ก้อนๆ บางช่วงลดราคาเหลือแพ็คละ 44 บาท แต่ขายปลีก ก้อนละ 15-17 บาท

 

การซื้อสินค้าแบบเหมาจ่าย จะช่วยประหยัดเงินอย่างมากเช่นกัน เช่น ชั่วโมงเน็ตของทรู 1,250 บาท ต่อปี หรือประมาณ 104 บาทต่อเดือน แต่การเติมเงินแล้วสมัครเองทุกเดือน อย่างโปรเน็ต 199 บาท จะต้องจ่ายทั้งหมดรวม Vat 7% เป็นเงิน 212.93 บาทต่อเดือน หรือ 2555 บาทต่อปี การซื้อโปรเน็ตแบบเหมาจ่ายทั้งปี ประหยัดเงินมากถึง 2,555 - 1,250 = 1,305 บาท

 

11. ใช้ชีวิตเรียบง่าย ลดรายจ่ายได้ทุกด้าน

การใช้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน แต่ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายว่า เรียบง่าย จนไม่น่ามอง อย่างการใส่เสื้อผ้าที่ ไม่รีด เพราะรู้จักเลือกซื้อผ้าที่ไม่ยับง่าย และรู้วิธีตาก ผ้าจึงไม่ยับ ไม่ต้องรีด ใส่แล้วก็พอดูได้ ไม่ถึงกับยับยู่ยี่ ย้วย หรือในเรื่องการดูแลตัวเอง อย่างการสระผมเอง กับ สระ ไดร์ กับร้านเสริมสวย หรือ ซัก รีด ผ้า เอง กับ ใช้บริการร้านซัก อบ รีด อย่างหลังจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

 

หากทำงานส่วนตัว การย้ายไปใช้ชีวิตในชนบท มีชีวิตเรียบง่าย ย่อมช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย มากกว่าการใช้ชีวิตหรูหราในเมือง บางทีก็ไม่ได้ อยากทำตัวแบบนั้น แต่เป็นไปตามสังคมนิยม ต้องตามสังคม ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

 

12. หลีกเลี่ยงสิ่งมึนเมา อบายมุขและของฟุ่มเฟือย

สิ่งมึนเมาและของฟุ่มเฟือยจะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้ต้องเสียเงินค่อนข้างมาก จนยากจะควบคุม อย่างสิ่งมึนเมา พวกแอลกอฮอล์ต่างๆ พอได้เข้าร่างกายไประดับหนึ่งแล้ว จะทำให้สติในการควบคุมตัวเองลดน้อยลง ใจใหญ่ มีเงินเท่าไรก็หมด และหมดเร็วมาก ดังนั้นการมีรายได้น้อย จึงต้องท่องไว้ในใจ ห้ามแตะต้องของมึนเมาอย่างเด็ดขาด

 

สรุป

รายได้น้อย ก็สามารถดำรงชีพอยู่ได้ แต่ต้องศึกษาวิธีใช้เงิน บริหารเงิน และตามกิเลสความอยากของตัวเองให้ทัน อยากใช้เงินเพื่ออะไร มี ความจำเป็นหรือไม่ หรือจ่ายเพราะอยากจะซื้อ หรือเพื่อความสะดวกสบาย ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ จงจ่ายเงินเฉพาะในสิ่งที่จำเป็นก่อนเสมอ

 

หากทำได้ตามนี้ ก็ใช้ชีวิตในแต่ละเดือนไม่มีปัญหา เอาตัวรอดได้สบายไปทุกเดือน แต่ถ้าหากต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แนะนำให้ประหยัด เงินให้มากที่สุด แล้วเร่งนำเงินที่เหลือไม่ว่าจะเป็นเงินหลักร้อยบาท หลักพันบาทก็ตาม นำเงินไปหาช่องทางลงทุน เช่น ขายของออนไลน์ ขาย อาหาร ทำงานฝีมือขาย รับจ้างต่างๆ ฯลฯ ไม่เช่นนั้น ชีวิตก็จะอยู่แค่นี้ไปทั้งชาติ แค่ประคองตัวเองไปได้ในแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ไม่มีโอกาสร่ำรวย

 

คนรุ่นใหม่ที่ตั้งตัวจากเงินเริ่มต้นหลักร้อยบาท มีตัวอย่างมากมาย ลองศึกษาสัก 100 คน 100 ตัวอย่าง ก็อาจจะพบแนวทางของตน การใช้ จ่ายอย่างประหยัดอาจจะช่วยให้มีเงินเหลือเก็บ แต่ก็น้อยเกินไป ควรพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่านี้ เผื่อมีเหตุให้ต้องใช้เงินก้อน ใหญ่ เช่น ยามเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เป็นต้น