หนังสือเคยเป็นที่นิยมในอดีต บางคนทำหนังสือออกมาขายเพียงเล่มเดียว ขายดีมาก สามารถซื้อรถเก๋งซีวิคป้ายแดงได้เลยทีเดียว แต่ปัจจุบันหนังสือไม่สามารถขายได้อีกต่อไปแล้ว สำนักพิมพ์ดังๆ ในประเทศไทย ก็ทยอยปิดตัวกันแทบหมดแล้ว ทุกวันนี้แม้จะนิยมนำหนังสือมาทำเป็น eBook เพื่อแจกฟรีหรือขายก็ตาม ก็ยังขายยากเช่นกัน ก่อนทำหนังสือจึงต้องรู้ในหลายเรื่อง ก่อนจะเสียเวลาทุ่มเททำหนังสือสักเล่ม

 

การทำหนังสือแต่ละเล่มต้องใช้เวลา แม้ปัจจุบันจะนิยมนำหนังสือไปทำเป็น eBook สามารถเปิดอ่านจากหน้าจอมือถือ แท็ปเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ได้ทันที ไม่มีการพิมพ์ลงกระดาษเหมือนหนังสือจริง แต่ก็มีหลายเรื่องที่จะต้องรู้ เพราะไม่ใช่หนังสือทุกประเภทจะสามารถขายได้

 

ตัวอย่างเรื่องต้องรู้ก่อนคิดจะทำหนังสือ ทำ eBook เพื่อจำหน่าย

ในอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลแทบทุกเรื่อง หนังสือจึงอาจขายไม่ได้เลย

ในอินเตอร์เน็ต มีเว็บไซต์และวิดีโอมากมายที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ทั้งวิชาการ ความรู้ทั่วไป การแชร์ประสบการณ์ การสาธิตการทำงาน ฯลฯ ดังนั้นหนังสือส่วนใหญ่จึงไม่สามารถขายได้ หนังสือที่จะขายได้จะต้องมีเนื้อหาที่หาอ่านจากที่ใดไม่ได้เลย เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น เรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเอง แนวนี้สามารถขายได้ คนซื้อจำเป็นต้องซื้อ ไม่สามารถหาอ่านได้จากเว็บไซต์หรือวิดีโอใดๆ

 

 

การละเมิดลิขสิทธิ์หรือนำเนื้อหาในหนังสือไปเผยแพร่

การทำหนังสือประเภทที่เกี่ยวกับวิชาการ หลักความจริง ธรรมชาติ หรือสิ่งที่เป็นความรู้ทั่วไป เป็นที่รู้กัน เทคนิคต่างๆ เรื่องแนวนี้ ผู้ซื้อสามารถนำไปเผยแพร่ หรือละเมิดลิขสิทธิ์ตลอดจนดัดแปลงเนื้อหา เรียบเรียงใหม่ได้ ดังนั้น เมื่อมีคนซื้อหนังสือเพียงไม่กี่คน ก็อาจจะขายหนังสือไม่ได้อีกเลย หากคนเหล่านั้นนำเนื้อหาไปเผยแพร่ ต่างจากหนังสือแนวนวนิยาย เรื่องสั้น หรือเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเอง กรณีนี้หากตรวจพบการละเมิดลิขสิทธิ์ ก็จะสามารถดำเนินคดีตามกฏหมายได้อย่างเต็มที่ เพราะเนื้อหานั้น ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเอง ไม่ได้ลอกเนื้อหาของใคร

 

คนไทยมองว่า ความรู้ต่างๆ ในเน็ตนั้นเป็นของฟรี

มุมมองความคิดของคนไทยเกี่ยวกับความรู้ต่างๆ ในเน็ตนั้นเป็นของฟรี เป็นความรู้ที่ไม่สามารถนำมาขายได้ และส่วนใหญ่จะไม่ยอมเสียเงิน ดังนั้นจึงไม่นิยมซื้อหนังสือในรูปแบบ eBook โดยเฉพาะหากเรื่องนั้นมีข้อมูลที่สามารถค้นหาจาก Google ได้ โอกาสซื้อหนังสือจะน้อยมาก นอกเสียจากจะเป็นหนังสือประเภทนวนิยาย หรือเรื่องที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากที่ใด

 

ข้อมูลฟรีเกี่ยวกับเรื่องที่เขียนมีมากน้อยเพียงใด

ก่อนจะทำหนังสือหรือ eBook เรื่องใด จำเป็นจะต้องตรวจสอบ เนื้อหาว่ามีข้อมูลฟรี ที่นำมาแชร์ หรือบทความต่างๆ ในเว็บไซต์ มามากน้อยเพียงใด ไม่เช่นนั้นหนังสือก็จะขายไม่ได้เลย เสียเวลาเปล่า

 

วิธีนำเนื้อหาในหนังสือไปสร้ายรายได้ทางอื่น

เมื่อคิดจะทำหนังสือ ต้องคิดหาวิธีสร้างรายได้จากหนังสือในรูปแบบอื่นด้วย เพราะการทำหนังสือสักเล่มนั้น มีความยากลำบากมาก จึงต้องหาวิธีสร้างรายได้ให้คุ้มค่า ซึ่งก็มีวิธีการนำเนื้อหาในหนังสือไปสร้างรายได้หลายช่องทาง เช่น
1. การนำเนื้อหาของหนังสือไปทำเว็บไซต์ ตัวอย่างเว็บไซต์ให้ความรู้เกี่ยวกับรถมือสอง rodusedcar.com ตอนแรกได้ทำเป็น eBook แต่ขายไม่ได้เลย จึงนำมาปล่อยให้อ่านฟรี โดยทำเป็นเว็บไซต์ ซึ่งมีค่าจดโดเมนประมาณ 350 บาท ส่วนค่าเช่าพื้นที่ทำเว็บไซต์อีก 300 บาท รายได้ต่อปีตอนนี้ได้ประมาณ 5000 บาท รวมทั้งปีแล้วได้มากกว่าการขาย eBook หากต้องการรายได้ที่มากกว่านี้ก็ต้องทำหนังสือให้มากๆ สักร้อยเล่มขึ้นไป เพื่อมีให้โอกาสสร้างรายได้หลักแสนบาทต่อปี

2. การนำเนื้อหาบางส่วนไปทำโพสต์ลง Facebook Page หากสามารถสร้างฐานผู้เข้าชมได้จำนวนมาก อาจจะมีโอกาสสร้างรายได้จากโฆษณาที่มาติดต่อขอลงโพสต์ในเฟสบุ๊คเพจ ตัวอย่างเฟสบุ๊คเพจเกี่ยวกับรถมือสอง ต้องมีไลค์หลักหมื่นหลักแสน จึงจะมีโอกาสได้เงินจากสปอนเซอร์

3. การนำเนื้อหาของหนังสือไปทำวิดีโอ เช่น วิดีโอแบบเรื่องเล่า สไลด์โชว์ หรือแนวอื่นๆ ตามแต่ประเภทของเนื้อหา
4. การนำหนังสือไปแจกให้ดาวน์โหลดฟรี แต่สร้างรายได้จากช่องทางอื่น เช่น ดาวน์โหลดไฟล์ได้เงินกับ Adf.ly

การนำเนื้อหาของหนังสือไปทำสื่อหรือคอนเทนต์ยังมีอีกหลานประเภท ซึ่งมีช่องทางทำเงินหรือสร้างรายได้มากกว่าการทำ eBook เพื่อขาย ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาหลายๆ ด้าน เพราะการทำหนังสือนั้นยากมาก ต้องใช้พลังสมอง พลังความคิด และใช้เวลาอย่างมาก กว่าจะได้หนังสือแต่ละเล่ม เมื่อก่อนการทำหนังสือสักเล่มอาจจะใช้เวลาเป็นปีเลยทีเดียว