ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องความได้เปรียบ เสียเปรียบ เมื่อจะ ต้องทำธุรกิจแข่งขันกัน ใครมี สายป่านยาว มีเงินทุนมาก มีเงินเย็น ไม่ต้องกู้มาลงทุน ก็ย่อมจะได้เปรียบ มีโอกาสประสบ ความสำเร็จเหนือคู่แข่ง

ตัวอย่าง :

การมีทุนมาก สายป่านยาว ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนในการทำธุรกิจ ย่อมจะสร้างความได้เปรียบคู่แข่ง โดยเฉพาะหากมีทั้ง เงินทั้งความรู้ด้วยแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่คู่แข่งจะสามารถเอาชนะได้ โลกของการทำธุรกิจ ก็มักจะเป็นแบบนี้ และมักจะส่งผลให้ คนมีทุนน้อย สายป่านไม่ยาว ก็อาจจะมีปัญหา เพราะในการลงทุนบางอย่างนั้นจะต้องใช้เวลา เพื่อให้มีผลตอบแทน

การลงทุนกับการเกษตร บางอย่างต้องมีเงินทุนสูง เงินเย็น สายป่านยาว ไม่มีปัญหาการเงิน อย่างการปลูกยางพารา เพราะ กว่าที่จะได้ผลตอบแทน เริ่มมีรายได้ ก็มักจะใช้เวลาหลายปี หากทุนน้อย เงินหมดเสียก่อน ก็อาจจะต้องหยุดกิจการ

การทำธุรกิจในปัจจุบันนี้ มีธุรกิจมากมายที่ไม่จำเป็นต้องมีทุนมาก ประเภท สายป่านยาว มีเงินทุนมาก อาจจะไม่จำเป็น เพราะมีสิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่าเงินทุน นั่นก็คือความรู้ และสายสัมพันธ์ บางคนมีความรู้ มีเครดิต มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนมีเงิน ทุน ก็สามารถเริ่มทำธุรกิจได้ เพียงแตต้องเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีจริงๆ เพราะหากผิดพลาด สินค้าไม่ได้รับการตอบรับ ก็อาจจะ หมดตัว ล้มละลายหรือสร้างปัญหาเดือดร้อนการเงินให้กับคนรอบตัวได้

คนมีเงินทุนมาก สายป่านยาว มีเงินเย็น มีเงินมาก แต่กรณีนี้อาจจะเหมาะสำหรับการลงทุนบางอย่างเท่านั้น เช่น ซื้อที่ดิน ไว้เก็งกำไร ซื้อที่ดินไว้ 2 ล้าน ในอนาคต ที่ดินอาจจะปรับราคาขึ้นไปเป็น 5 ล้าน แต่ต้องรอเป็นปีๆ หากมีเงินเย็น มีเงินทุนมาก สายป่านยาว ก็จะได้เปรียบ หากทุนน้อย เงินเริ่มไม่พอใช้แล้ว ก็จะอาจจะต้องรีบขายไปเสียก่อน ก็จะทำกำไรได้ไม่มาก

การมีเงินทุนมาก สายป่านยาว มีเงินเย็น มีเงินมาก จำเป็นต้องศึกษาวิธีการลงทุนให้ดี เพราะในบางกรณีก็ใช่จะได้เปรียบ คนที่มีเงินทุนน้อย โดยเฉพาะการนำเงินไปลงทุนกับสิ่งของหรือสินค้าประเภทซื้อไว้เก็งกำไร ซื้อทอง ซื้อที่ดิน บ้าน พระเครื่อง ของสะสม ซึ่งทรัพย์สินบางอย่างนั้น จะมีราคาทรงตัว หรือปรับราคาขึ้นลงมากหรือน้อย นอกจากความนิยมแล้วบางทีก็อยู่ที่ ตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้ครอบครอง ความมีชื่อเสียง แม้จะมีทุนมาก แต่ก็ต้องระวังเรื่องการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสิ่งของสะสม ไว้รอขายทำกำไร เพราะหากทุนไม่มากพอ และสินค้าเหล่านั้น ราคายังไม่มีการปรับตัวสูงขึ้น ไม่ทำกำไร การขายต่อ อาจจะทำ ให้ขาดทุน

การมีทุนมาก ก็อาจจะทำให้เสียทรัพย์สินมาก็เป็นได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างการซื้อที่ดิน แม้ในอนาคตราคาจะปรับ ตัวสูงขึ้น แต่หากร้อนเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ การขายต่ออาจจะไม่ได้ราคาหรือกำไรมากอย่างที่คิด เพราะหากผู้ซื้อรู้ว่า กำลัง ร้อนเงิน มีปัญหาการเงิน ก็อาจจะกดราคาจนแทบไม่มีกำไร หรือขาดทุนก็มี