ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่รู้จักเอาตัวรอด รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นทาง รู้วิธีปรับตัวเพื่อ ให้สามารถเอาตัวรอดได้ในแต่ละสถานการณ์ในขณะนั้น เรื่องแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศอย่างการเลือกคบ ประเทศมหาอำนาจ เพื่อป้องกันการถูกรังแกหรือเอารัดเอาเปรียบ

ตัวอย่าง :

ประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น ก็จะทำให้คนเรารู้ถึงความเป็นไป หรือรู้ถึงผลที่จะตามมา และรู้วิธีเอาตัวรอด รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นทาง อย่างการขับรถ เมื่อเห็นรถฝั่งตรงข้ามพยายามแซงทั้งๆ ที่เป็นถนนสองเลนส่วนกัน ก็จะลดความเร็วลง เพื่อหรือ เบี่ยงออกข้างทาง หรืออาจจะจอด ในจุดที่ปลอดภัย เพื่อให้รถคันที่พยายามแซงสามารถแซงได้อย่างปลอดภัย ซึ่งบางคนจะไม่ ยอม พยายามเร่งเครื่องเพื่อกดดันรถคันที่พยายามแซงก็มีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุ ประสานงากันได้

การรู้จักหลบ รู้จักหลีก รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นทาง ในบางกรณีอาจจะทำให้ตัวเองเสียหาย เสียศักดิ์ศรีไปบ้าง แต่หากช่วยให้ ชีวิตปลอดภัย ไม่มีเรื่องเดือดร้อนตามมาก็ถือว่าคุ้มค่า ผู้ใหญ่บางคนมีเรื่องทะเลาะกับเด็กวัยรุ่น การเป็นฝ่ายลดราวาศอกยอม ขอโทษทั้งๆ ที่ไม่ผิด แต่ช่วยให้เรือ่งราวสงบลง ก็เป็นเรื่องดี ซึ่งจะช่วยให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงเร็วขึ้น ลดโอกาสมีเรื่องทะเลาะ วิวาทกัน

การเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นทาง รู้จักเลือกที่จะพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย เป็นเรื่อง ปกติธรรมดาของคนเราหรือสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ เป็นสัญชาติญาณในการเอาตัวรอด ซึ่งต้องอาศัยการสังเกตุ การคาดการณ์ ข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจ เพราะหากตัดสินใจพลาดก็อาจจะไม่รอด อย่างการเลือกพรรคการเมืองในช่วงเลือกตั้ง การ เลือกผิดข้างก็ทำให้เกิดความเดือดร้อนได้เช่นกัน

คนเห็นแก่ตัว คนขี้โกง หรือมีเล่ห์เหลี่ยม มักจะ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นทาง ได้เป็นอย่างดี เพราะมีประสบการณ์ คาดเดา เหตุการณ์ได้ดีกว่า หรือไม่ก็เพราะความเห็นแก่ตัว จึงทำให้ต้องเอาตัวเองให้รอด โดยไม่สนใจวิธีการหรือไม่สนใจว่าใครจะมอง ว่าอย่างไร อย่างเมื่อมีการมอบหมายงานที่เสียงหรืองานหนัก บางคนก็จะหลบเลี่ยง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกเลือก เพราะกลัว ความลำบากหรือกลัวเดือดร้อน คนที่เอาแต่ตัวเองรอด ไม่ทำเรื่องที่เป็นประโยฃน์ต่อสังคมหรือผู้อื่น ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ควร คบหาสมาคมด้วย