1. WiFi แท็บเล็ตที่รองรับแค่ WiFi จะใช้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยวิธีนี้เท่านั้น อาจจะใช้อินเตอร์เน็ตที่บ้าน ที่ทำงานหรือมีมือถือหรือแอร์การ์ดที่สามารถปล่อยสัญญาณ WiFi ได้ ข้อดีของแท็บเล็ตแบบนี้ หากเป็นแท็บเล็ต Android ก็จะมีพอร์ต USB หรือ Micro USB มาให้ด้วย ไว้ต่อกับแอร์การ์ดหรืออุปกรณ์อื่นๆ อย่างเมาส์ คีย์บอร์ด แฟลชไดรว์ ได้

 

2. WiFi + 3G แท็บเล็ตที่รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งผ่าน WiFi และสัญญาณมือถือ 3G เครื่องแบบนี้ราคาจะแพงกว่าแบบ WiFi แต่ในแท็บเล็ตบางรุ่นอย่าง iPad จะรองรับถึง 4G ซึ่งคงต้องไปใช้ที่ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างประเทศลาวเพราะในไทย 3G ยังยากเลย ฮา

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบโทรศัพท์ค่ายมือถือในประเทศไทยที่อาจจะพบข้างกล่องแท็บเล็ต
GSM 850/900/1800/1900 MHz
ตัวเลขนี้บอกให้รู้ว่าแท็บเล็ตรุ่นนี้รองรับระบบ 2G-2.5G หรือรองรับการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบ GPRS/EDGE ทุกเครือข่าย แนะนำให้จำตัวเลขสัญญาณความถึ่แทนค่ายมือถือก็แล้วกัน dtac=850, AIS=900, True=1800และ TOT=1900 แท็บเล็ตรุ่นเก่าที่ราคาไม่แพง เพราะรองรับสูงสุดได้แค่ EDGE สรุปง่ายๆ บ้านเรา ที่ทำงานเรา ฯลฯ หากสัญญาณมือถือรองรับแค่ GPRS ก็เล่นเน็ตผ่านแท็บเล็ตได้ความเร็วไม่เกิน 40 Kbps หรือหากรองรับสัญญาณมือถือระดับ Edge จะเล่นเน็ตเร็วขึ้นแต่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 236 Kbps

UMTS 850/900/1900/2100 MHz
ตัวเลขนี้บอกให้รู้ว่าแท็บเล็ตรุ่นนี้รองรับระบบ 3G หรือรองรับการรับส่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ 7.2 Mbps ทุกเครือข่าย แนะนำให้จำตัวเลขแทนค่ายมือถือเช่นเดียวกัน dtac=850, True=850, AIS=900, TOT=1900/2100

ความสามารถในการรับ/ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมือถือ
การพัฒนาระบบของมือถือมีหลายรุ่น แต่ละรุ่นจะเรียกว่า 1 Generation หรือ 1G, 2G, 3G ตามที่เราได้ยินกันนั่นเอง
1G โทรศัพท์มือถือระบบอนาล็อก ส่งได้แต่เสียงผ่านระบบเครือข่ายมือถือเท่านั้น
2G โทรศัพท์มือถือระบบดิจิตอล (GSM Global System for Mobile Communications ) สามารถส่งเสียงและส่งข้อมูลผ่านทางระบบสัญญาณมือถือได้แต่ 9.6 Kbps
2.5G เป็นความสามารถของระบบโทรศัพท์ที่สามารถส่งเสียงและส่งข้อมูล (ข้อความ วิดีโอ ภาพ) ผ่านทางระบบสัญญาณมือถือได้ที่ความเร็วในระดับ GPRS (General Packet Radio Service) หรือ 40 Kbps
2.7G เป็นความสามารถของระบบโทรศัพท์ที่สามารถส่งเสียงและส่งข้อมูล (ข้อความ วิดีโอ ภาพ) ผ่านทางระบบสัญญาณมือถือได้ที่ความเร็วในระดับ Edge หรือ (Enhance Data Rates for Global) หรือ 236 Kbps-473 Kbps (ถูกจำกัดไว้แค่ 236 Kbps)
3G เป็นความสามารถของระบบโทรศัพท์ที่สามารถส่งเสียงและส่งข้อมูล (ข้อความ วิดีโอ ภาพ เสียง) ผ่านทางระบบสัญญาณมือถือได้ที่ความเร็วในระดับ 3G หรือ 7.2 Mbps
4G : เป็นความสามารถของระบบโทรศัพท์ที่สามารถส่งเสียงและส่งข้อมูล (ข้อความ วิดีโอ ภาพ เสียง) ผ่านทางระบบสัญญาณมือถือได้ที่ความเร็วในระดับ 4G หรือ 21 Mbps

*** แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้ตามนั้น เพราะเราไม่ได้ใช้แท็บเล็ตอยู่คนเดียว ใช้กันทั่วประเทศก็ต้องแบ่งๆ กันไป หากต้องการความเร็วสูงก็มีวิธีครับ ผมจะใช้วิธีขับรถไปจอดใต้เสามือถือ วิธีนี้จะเชื่อต่อได้เร็วมาก เพราะอยู่ต้นน้ำ สัญญาณที่ถูกปล่อยออกมาก็รับได้มากกว่าปลายน้ำ ตอนนี้ก็ตั้งใจว่าจะย้ายไปเช่าบ้านอยู่ติดกับเสามือถือเสียเลย

ข้อมูลผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในประเทศไทย
การให้บริการจะแยกความถี่กัน ส่งผลให้แท็บเล็ตที่สามารถโทรศัพท์ได้ ก็จะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มเช่นเดียวกัน คือแท็บเล็ตที่รองรับระบบของ Truemove+Dtac และอีกกล่มรองรับ AIS และ TOT การเลือกซื้อมาใช้งานก็ต้องดูด้วยว่าพื้นที่ที่เราอยู่นั้น รองรับเครือข่ายรายไหนดีกว่ากัน จะได้เลือกใช้บริการได้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นไม่มีคลื่นใช้งานไม่ได้

กลุ่มความถี่ 850 MHz
แท็บเล็ตของ Samsung ที่วางขายเราจะเห็นได้อย่างขัดเจนว่ามีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ฮา
1. Truemove บริการระบบ GSM บนความถี่ 1800 MHz และให้บริการ 3G บนโครงข่าย HSPA ความถี่ 850 MHz
2. Dtac ให้บริการทางเสียงและสื่อสารข้อมูล ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด บนเทคโนโลยี EDGE/GPRS ความถี่ 850 MHz และ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 850 MHz

กลุ่มความถี่ 900 MHz
1. AIS EDGE/GPRS ความถี่ 900 MHz และ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 900 MHz
2. TOT ให้บริการทางเสียงและสื่อสารข้อมูล ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด บนเทคโนโลยี EDGE/GPRS ความถี่ 900/1900 MHz และ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 1900/2100 MHz

ข้อมูลเกี่ยวกับ คลื่นความถี่มือถือในไทย อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.needformen.com/phone/3g-frequency.html