ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการดิ้นรนต่อสู้ครั้งสุดท้าย เป็น เฮือกสุดท้าย เป็นการ หายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ชี้เป็นชี้ตาย ตัดสินความอยู่รอด หากสามารถทำได้สำเร็จ ก็จะหมายถึงผลประโยชน์หรือสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต ทำให้ชีวิตดีขึ้น

ตัวอย่าง :

เมื่อชีวิตถึงทางตัน มีปัญหา การงานการเงิน ชีวิตแทบไม่มีทางออกแล้ว จนเหลือ เฮือกสุดท้าย ก็จำเป็นจะต้องสู้สุตดชีงิต หากผ่านไปได้ ก็จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งด้านจิตใจอย่างมาก ต่อไปจะเจออุปสรรคใดๆ ก็รับมือได้ ดังนั้นอย่าไปกลัวความลำบาก อย่าไปกลัวการต่อสู้ ชีวิตเกิดมาก็ต้องแข่งขัน ซึ่งก็เริ่มตั้งแต่ยังไม่เกิดแล้ว

อย่าปล่อยให้ชีวิตตกต่ำมากจนเกินไปนัก เพราะการต้องเจอะเจอกับเรื่องที่ทำให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ แม้จะผ่านไปได้ แต่ก็มักจะได้บาดแผลติดมาด้วย อย่างการตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ที่ถือว่าเป็น เฮือกสุดท้าย  ชี้เป้นชี้ตาย จะรอดหรือไม่รอด เช่น มีเงินก้อนสุดท้าย ต้องสู้สักตั้ง ตัดสินใจเสี่ยงลงทุนบางอย่าง หากผิดพลาดก็ย่อมจะสร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก

ฃีวิตคนเรานั้น มีทางเลือกที่จะอยู่อย่างไม่ลำบากได้ ด้วยการใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยเฉพาะหากการงานยังไม่มั่นคง ก็อย่าเพิ่งจับจ่ายใช้สอยเกินตัว หรือฟุ่มเฟือย ก็ยากที่จะมีปัญหาการงาน การเงิน ตามมา ลดโอกาสเสียงกับการต้องตัดสินใจสู้ครั้งสุดท้าย เฮือกสุดท้าย  ชี้เป็นชี้ตาย ทำบางอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด เพราะพาชีวิตเดินทางไปถึงทางตันแล้ว

เมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำสิ่งสำคัญ เพื่อให้มีชีวิตรอด หรือสามารถยืนหยัดต่อไปได้ คนเราก็จะเกิดการฮึดสู้ แม้จะเป็น เฮือกสุดท้าย  หายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อลงมือทำอย่างชี้เป็นชี้ตาย เรื่องแบบนี้ก็เป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ที่จะต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด แต่คนเรานั้นบางคนสอน บอก เตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง ปล่อยให้ชีวิตตัวเอง ต้องเจอะเจอความลำบากอย่างที่สุด โดยเฉพาะเมื่ออายุมากแล้ว ก็ยากจะมีแรงสู้ไหว ดังนั้นเมื่อยังมีแรง มีโอกาสก็อย่าประมาท รีบสร้างความมั่นคงให้ชีวิต อย่างน้อย ปัจจัย 4 ต้องสร้างให้ครบ เพื่อให้ชีวิตไม่เดือดร้อนจนเกินไปนัก แม้ในยามที่ตกระกำลำบาก หรืออยู่ในสภานการณ์ที่ย่ำแย่