สายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์มีประโยชน์มาก กรณีเวลาแบตเตอรี่หมดไฟ ซึ่งอาจจะเกิดจากเหตุไม่คาดคิด เช่น แบตเตอรี่เสื่อมตามอายุการใช้งาน เผลอลืมปิดไฟหน้ารถ หรือเปิดเพลงนานเกินไป ในรถเกียร์ธรรมดาสามารถสตาร์ทด้วยการเข็นได้ แต่รถยนต์เกียร์ออโต้ควรมีอุปกรณ์ตัวนี้ติดรถไว้เผื่อฉุกเฉิน โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล

 

 สำหรับบทความนี้ก็จะมาแนะนำเรื่องควรรู้เกี่ยวกับ สายพ่วงแบตเตอรี่ การเลือกซื้อ การใช้งาน อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ช่วยในการสตาร์ต เป็นต้น

 

สายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์เหมาะสำหรับใคร

อุปกรณ์ตัวนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่ใช้รถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เกียร์อัตโนมัติซึ่งบางคันไม่รู้ว่าแบตเตอรี่เปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไร ไม่ได้จดเอาไว้ บางคัน เจ้าของเขียน วัน เดือน ปี ที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ไว้บนตัวแบตเตอรี่ แต่ ก็ไม่รู้ว่าจะเสียเมื่อไรเหมือนกัน ดังนั้น หากมีอุปกรณ์ตัวนี้ติดรถยนต์ กรณีแบตอรี่หมด ก็หาคนช่วยได้ไม่ยาก โดยจอดรถ ยืนถือสายพ่วงแบตเตอรี่ แล้วก็โบกมือขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นได้ไม่ยาก

 

สายพ่วงแบตเตอรี่ที่มีขายในเน็ต ดีหรือไม่ เลือกอย่างไร

สำหรับสายพ่วงแบตเตอรี่จะต้องเน้นรุ่นราคาสูง และหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพราะรุ่นราคาถูกอาจจะไม่สามารถใช้งานได้ ต่อพ่วงแล้วชาร์จไม่ติด เพราะสายทองแดงข้างในเล็กเกินไป ไฟวิ่งไม่พอ ดูได้จากวิดีโอเหล่านี้ในยูทูป

 

สำหรับสายพ่วงแบตเตอรี่ยี่ห้อที่มีราคาสูง จะมีความหนาแน่นของสายทองแดงข้างในมากพอที่จะช่วยให้สามารถสตาร์ทรถติดเครื่องได้ ควรหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ส่วนของราคาถูก มีไม่น้อยที่ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ เมื่อต่อพ่วงกันแล้ว

 

ทำสายชาร์จไว้ใช้เอง

สำหรับใครที่้ต้องการประหยัดเงิน ก็มีวิดีโอในยูทูปสอนทำสายพ่วงแบตเตอรี่เอาไว้ใช้เอง ประหยัดเงินไปหลักร้อยบาท

 

วิธีใช้สายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์

เมื่อซื้อสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถ ติดบ้านแล้ว ในการใช้งาน
1. พกสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถยนต์ เมื่อจะต้องเดินทางไกล เผื่อแบตเตอรี่หมด เว้นแต่จะแน่ใจว่า เพิ่งจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปไม่นาน ไม่มีปัญหาแน่นอน


2. ในการใช้งานสายพ่วงแบตเตอรี่ ให้นำที่คีบขั้วบวก ไปคีบกับขั้วบวกแบตเตอรี่ของรถที่หมดไฟ คันสีแดง
3. นำที่คีบขั้วบวกอีกด้าน ไปคีบกับขั้วบวกของรถที่มาช่วยเหลือ คันสีขาว หรือ แบตเตอรี่ ที่นำมาต่อพ่วง


4. นำที่คีบขั้วลบ ไปคีบกับขั้วลบของรถยนต์คันที่มาช่วยเหลือ หรือแบตเตอรี่ที่นำมาต่อพ่วง
5. นำที่คีบขั้วลบอีกด้าน ไปคีบกับตัวถังถังรถ หรือ ชิ้นส่วนในห้องเครื่อง ที่เป็นเหล็ก ห้ามนำไปคีบกับขั้วลบที่ตัวแบตเตอรี่

 


6. สตาร์ทรถคันที่มาช่วยเหลือ
7. สตาร์ทรถคันที่หมดไฟ


8. ถอดที่คีบขั้วลบออกจากรถทั้งสองคัน แล้วนำไปวางห่างๆ


9. ถอดที่คีบขั้วบวกออกจากรถทั้งสองคัน ระวังอย่าให้โดนตัวถังรถ จะเกิดการลัดวงจร
10. ในรถคันที่หมดไฟ ให้ขับหรือเร่งเครื่อง เพื่อให้ไดชาร์จทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ได้ดียิ่งขึ้น

 

พาวเวอร์แบงก์ ทางเลือกอื่นนอกจากการ พ่วงแบตเตอรี่

ปัจจุบันจะมีอุปกรณ์ช่วยสตาร์ทรถอย่างพาวเวอร์แบงก์ การสตาร์ทก็ง่ายขึ้น แต่อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็มีราคาสูง และแบตเตอรี่ก็มีอายุการใช้งาน แต่หากไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ก็เป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถยนต์เกียร์ออโต้ เพราะเข็นไม่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ อย่างมือถือ แท็ปเล็ต ได้เช่นกัน แต่มันจะคุ้มไหม เพราะโอกาสที่แบตเตอรี่จะหมดนั้น ไม่บ่อยนักในรอบสิบปี อาจจะเจอไม่กี่ครั้ง อุปกรณ์เหล่านี้ก็ใช้แบตเตอรี่ ซึ่งจะมีโอกาสเสื่อม ใช้สายพ่วงดีกว่า ไม่มีหมดอายุ

 

กรณีไม่มีสายพวงแบตเตอรี่ก็สตาร์ทได้ด้วยการเปลี่ยนแบตเตอรี่

กรณีไม่มีทั้งสายพ่วงแบตเตอรี่และพาววอร์แบงก์สำหรับช่วยสตาร์ท ก็ต้องใช้การถอดแบตเตอรี่ โดยรถคันที่จะถอดแบตเตอรี่นั้น ควรมีขนาดใกล้เคียงกัน สตาร์ทรถติดเครื่องไว้ก่อน แล้วถอดแบตเตอรี่ออกมา สำหรับการถอดขั้วบวกเวลาถอดต้องใช้ความระวัดระวังอย่างสูง ระวังประแจจะไปโดนตัวรถจะทำให้เกิดการลัดวงจร และต้องหุ้มขั้วบวกด้วยผ้าหรือพลาสติกให้มิดชิด

 

จากนั้นก็ยกแบตเตอรี่ออก นำไปใช้กับรถที่สตาร์ทไม่ติด เมื่อช่วยให้สตาร์ทได้แล้ว ก็ยกแบตเตอรี่กลับมาวางในรถเหมือนเดิม ส่วนคันที่แบตเตอรี่หมด ให้นำแบตเตอรี่ใส่เข้าไปเหมือนเดิม แล้วก็ขับรถเล่นสักพัก เพราะระหว่างรถวิ่งจะชาร์จไฟได้มากกว่าการติดเครื่องยนต์แล้วจอดรถไว้กับที่

 

วิธีเข็นรถเพื่อสตาร์ทสำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา

การใช้รถยนต์เกียร์ธรรมดาจะสามารถเข็นเพื่อสตาร์ตได้ โดย
1. บิดกุญแจไปตำแหน่งสตาร์ต
2. ใส่เกียร์ 3 พร้อมกับเหยียบครัชไว้
3. เริ่มเข็น
4. เมื่อความเร็วมากพอให้ปล่อยครัชที่เหยียบไว้ หากเครื่องติดแล้ว ให้เหยียบครัช แล้วเปลี่ยนไปเกียร์ว่าง เร่งเครื่องเล็กน้อย จากนั้นก็ขับรถไปเปลี่ยนหรือตรวจเช็คแบตเตอรี่กับร้านไดนาโมใกล้บ้าน

 

การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ป้องกันที่ต้นเหตุ

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ต้องไปเจอกับปัญหาแบตเตอรี่หมดระหว่างเดินทาง หรือ อยู่นอกสถานที่ หรือ รถอาจจะมีปัญหา ไปเสียในป่า ในที่ห่างไกล ก็สามารถดูแลแบตเตอรี่ได้ง่ายๆ เช่น
1. หาเครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่มาไว้ใช้งาน หรือ อาจจะติดตั้งในรถเลยก็ได้ หรือ จะใช้แบบที่เสียบกับที่จุดบุหรี่ในรถก็ได้ สะดวก กรณีจะต้องเดินทางไกล ก็ควรตรวจสอบเสียก่อน


2. หากใช้รถน้อย นานๆ ขับสักที ก็ควรจะหาเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์มาไว้ใช้ เพื่อจะได้ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานๆ

 

สรุป

การใช้รถยนต์จะมีระบบการทำงานหลายส่วน ที่จะต้องใส่ใจดูแล เพราะเวลาเสียกลางทาง เสียนอกบ้าน จะสร้างปัญหาให้อย่างมาก ไม่เหมือนมอเตอร์ไซค์ สามารถเข็นได้ ดังนั้นจึงต้องศึกษาหาข้อมูล เครื่องมือ อุปกรณ์ ดูแลรถที่จำเป็น ก็ควรเตรียมให้พร้อม ตัวเองทำไม่ได้ ก็เผื่อให้คนอื่นทำได้