ผ้าคลุมรถยนต์ ราคาหลักร้อยบาทขึ้นไป ใช้สำหรับคลุมรถยต์ เพื่อปกป้องรถจากแดด กันน้ำค้าง กันฝน ขี้นก ช่วยปกป้องสีรถ ปกป้องภายนอกของรถยนต์ ช่วยให้สีรถยนต์ยังคงอยู่ในสภาพดี ไม่ซีดจาง เพราะแดดเผา นอกจากนี้ก็ยังช่วยปกป้องชิ้นส่วนภายในรถได้เช่นกัน แต่ผ้าคลุมรถก็อาจจะเป็นตัวทำลายสีผิวรถเสียเองก็ได้ในบางกรณี จึงต้องศึกษาทั้งข้อดี ข้อเสีย

 

รถยนต์ในทุกวันนี้ สามารถใช้งานได้เกิน 20 ปี สบายๆ โดยยังคงสภาพที่ดูดี ถ้าได้รับการดูแลดี หากไม่มีที่จอดรถที่กันแดด กันฝน ก็ต้องมีผ้าคลุมรถ เมื่อต้องจอดไว้กลางแจ้ง กลางแดด รถทุกคันเมื่อถึงเวลาก็ต้องขายต่อ รถที่ยังอยู่ในสภาพดี รถสวย ก็จะขายต่อได้ราคามากกว่า หรือ จะเก็บไว้ใช้งานต่อ รถก็ยังดูดี

ผ้าคลุมรถยนต์แบบต่างๆ

ผ้าคลุมรถมีหลายแบบส่วนใหญ่จะเป็นผ้าบางๆ กันน้ำ หรือน้ำค้างไม่ได้ 100% ที่มีราคาแพงขึ้นก็อาจจะเป็นผ้าคลุมแบบสองชั้น เคลือบ UV หรือเป็นผ้าดูปองท์ กันแดด กันน้ำ ความชื้น กันรอยขีดข่วนได้ดีมากขึ้น แต่จะเลือกแบบใด ก็ควรรู้ถึงข้อดีข้อเสีย เพราะซื้อมาแล้ว อาจจะไม่ได้ใช้ ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ไม่สะดวกในการเก็บ หรือ ทำให้สีผิวรถเกิดรอย เป็นต้น

 

เรื่องควรรู้เมื่อใช้ผ้าคลุมรถยนต์

สำหรับใครที่กำลังมองหาผ้าคลุมรถยนต์มาไว้ใช้งาน นี่คือสิ่งที่ควรจะต้องรู้เสียก่อน เพราะซื้อมาแล้ว อาจจะไม่ได้ใช้ หรือ สร้างปัญหา จนไม่ได้ใช้ ทำให้เสียเงินเปล่า โดยเฉพาะบรรดามือใหม่หัดขับ เมื่อได้รถใหม่ ก็มักจะซื้อผ้าคลุมรถมาใช้ และมักจะพับเก็บในเวลาไม่นาน ผ้าคลุมนั้นก็จะไม่ได้ใช้

 

ปัญหาจากลมทำให้ผ้าคลุมรถเปิดออก

จากการสังเกตุดูเหมือนจะเป็นปัญหาลำดับต้นๆ ที่ทำให้ไม่อยากใช้ผ้าคลุมรถ เพราะการจอดรถในที่ที่มีลมแรง ผ้าที่คลุมรถเอาไว้ มีโอกาสเปิดออก หลุด ปลิว หากไม่ผูกมัดให้ดี แต่การหลุดออกไปแบบนี้ เป็นผลดีต่อสีรถ


ในขณะที่บางคนนั้น จะมัดผ้าคลุมรถแน่นทุกจุด ซึ่งก็อาจจะเกิดผลเสียตามมา ลมที่แรง ก็จะพัดผ้าคลุมรถให้สะบัดไปมา แต่ไม่หลุด ผลก็คือผ้าคลุมรถจะเกิดการขัดกับสีผิวรถ และสิ่งที่มากับลม ก็คือฝุ่นดินเล็กๆ ที่จะมาเกาะตามสีรถ คราวนี้ก็จะไม่ต่างไปจากการนำกระดาษทรายมาขัดสีรถ มีโอกาสเกิดรอยขนแมว ดังนั้น กรณีลมแรง หรือรถไม่ได้ล้าง มีฝุ่นเกาะทั่วรถ ก็ไม่ควรใช้ผ้าคลุมรถ ไม่เพียงเอาไม่อยู่ แต่อาจจะทำอันตรายต่อสีผิวรถยนต์แสนรักของท่าน หรือไม่ก็ต้องเจาะรูผ้าคลุมรถให้ลมผ่านได้ ก็พอจะช่วยได้ เป็นการช่วยระบายความร้อนใต้ผ้าคลุมรถไปในตัวด้วย

 

ความร้อนภายใต้ผ้าคลุม

ความร้อนภายใต้ผ้าคลุมรถกรณีจอดรถไว้กลางแดด หรือโดนแดด จะค่อนข้างสูง สำหรับใครที่เคยจอดรถไว้กลางแจ้ง และใช้ผ้าคลุมรถเอาไว้ หากลองเปิดผ้า แล้วลองเข้าไปอยู่ข้างใน ก็จะพบว่า มันร้อนมาก ทั้งภายนอกรถ สีผิวรถ ทั้งภายในรถ ดังนั้น การจอดรถตากแดด แล้วใช้ผ้าคลุมรถเอาไว้ อาจจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด เพื่อปกป้องรถ แต่ผลที่ได้อาจจะตรงกันข้าม ดังนั้นนี่คือสิ่งที่แนะนำให้ทำ เพื่อลดความร้อน ทั้งภายนอก ภายในรถยนต์
1. ติดกันสาด และแง้มกระจกไว้ ให้ความร้อนในรถได้ระบายออกมาได้ ทำให้ในรถไม่ร้อนอบอ้าวมากเกินไปนัก แม้จะใช้ผ้าคลุมรถเอาไว้
2. ใช้ผ้าธรรมดาคลุมรถแทนผ้าคลุมรถทั่วไป แต่จะต้องสั่งทำ สั่งเย็บเป็นพิเศษ ของดีก็คือ ระบายความร้อนได้ดีกว่า เพราะอากาศถ่ายเทได้ดีกว่า ลองนึกภาพ การเดินกลางแดดแล้วใช้ผ้าขาวม้า ผ้าเช็ดตัว บังแดด จะไม่ร้อนมากเหมือนใช้ผ้าที่ใช้ทำผ้าคลุมรถบังแดดอย่างแน่นอน เพราะผ้าธรรมดาระบายความร้อนได้ดีกว่า แต่อาจจะมีน้ำหนักมากกว่า


3. การใช้ผ้าคลุมรถทั่วไป ควรเจาะรูให้เป็นช่องระบายลมและระบายความร้อนออกได้หลายๆ ช่อง รอบคัน ประมาณมุมล่างซ้ายขวา กระจกบังลมหน้าหลัง ไม่เช่นนั้น หากเจอลมแรงๆ ผ้าคลุมรถจะเปิดออก เพราะไม่มีช่องให้ลมผ่าน หรือไม่ก็สะบัดอยู่อย่างนั้นถ้าผูกไว้ค่อนข้างแน่น ผลที่ตามมา อาจจะทำให้สีรถเป็นรอยได้

 

ผ้าคลุมรถกับการกันฝนกันน้ำ

ผ้าคลุมรถที่ไม่สามารถกันน้ำได้ 100% เมื่อเจอฝน เจอน้ำค้างแรงๆ ก็จะเปียก ทำให้สีผิวรถ หลังคารถ ฝากระโปรง ฝาท้าย ด้านข้างตัวรถเปียกอยู่ดี ในรถใหม่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่ควรใช้กับรถเก่าที่เพิ่งทำสีมาใหม่ อาจจะทำให้เกิดสนิมเร็วมากยิ่งขึ้น ส่วนผ้าคลุมรถที่กันน้ำได้ดี ก็จะเป็นผ้าที่กักความร้อนได้ดีเช่นกัน การนำมาคลุมรถขณะจอดแตกแดด ก็คงจะไม่ดีแน่ เพราะจะกักความร้อนได้ดี รถก็จะร้อนมาก

 

รถเก่า รถคลาสิกทำสีใหม่ ต้องใช้ที่คลุมรถแบบพลาสติก

รถเก่า รถคลาสิก แม้จะปะผุ ทำสีอย่างดี แต่ก็ยังไม่ดีพอ การจอดตากฝน ตากน้ำค้างก็ทำให้ผุได้ โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญๆ อย่าง ขอบประตู ขอบกระจกบังลมหน้าและหลัง หากมีรถแบบนี้ ลงทุนสักนิดกับ ผ้าคลุมรถแบบพลาสติกกันน้ำฝัน กันน้ำค้างได้ 100% ช่วยป้องกันรถไม่ให้ขึ้นสนิมได้ดีกว่าผ้าคลุมรถธรรมดาทั่วไป ซึ่งน้ำยังซึมผ่านได้ กรณีเจอฝนตกหนักหรือน้ำค้างลงหนัก

 

การจัดเก็บผ้าคลุมรถยนต์

การใช้ผ้าคลุมรถเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องหาทางจัดการกับการจัดเก็บผ้า กรณีผ้าเปียกเพราะน้ำค้างหรือฝน หรือผ้าเต็มไปด้วยฝุ่นละเองที่มาเกาะ ให้ใช้กระเป๋าหรือกล่องพลาสติกใบใหญ่เก็บไว้ท้ายรถ และหากผ้าเปียกก็ต้องหาที่ตากผ้า เพราะผ้าแบบนี้แห้งช้า ถ้าไม่เช็ด ไม่ตาก ยากจะแห้ง หากไม่มีที่ซัก ที่ตาก ก็ต้องคิดให้ดี ก่อนจะซื้อหามาไว้ใช้

 

นอกจากนี้ในสถานการณ์ที่ต้องเจอแดดร้อน ลมแรง ฝุ่นเยอะ หากใช้ผ้าคลุมรถเอาไว้ ก็ควรเก็บเสียจะดีกว่า ไม่เป็นผลดีต่อรถอย่างแน่นอน อากาศร้อนมาก ภายใต้ผ้าคลุมก็จะร้อนมาก ฝนตกผ้าก็จะเปียก เสียเวลาตาก ฝุ่นมาก ลมแรง ผ้าก็จะเต็มไปด้วยฝุ่น หากไม่ล้างทำความสะอาด เอามาคลุมรถ ก็คงจะไม่ดีแน่ เจอลมแรง ก็อาจจะสะบัดไปมาขัดสีรถเป็นรอยได้

 

อุปกรณ์อื่นๆ ช่วยลดความร้อนรถยนต์

อุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยลดความร้อนให้รถยนต์ได้ ยังมีอีกหลายอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องใช้ผ้าคลุมรถ เช่น
1. การใช้ผ้าธรรมดาทั่วไป เย็บเป็นผ้าคลุมรถ ความร้อนจะเกิดขึ้นน้อยกว่าแน่นอน อาจจะไม่คลุมทั้งคัน คลุมแค่หัวเก๋ง หรือ ทำเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย คลุมหลังคา ฝากระโปรง ฝาท้าย ข้อดีของผ้าธรรมดาทั่วไป ก็คือระบายความร้อนได้ดี ซักตาก ง่ายกว่า
2. ติดกันสาดและใช้ม่านบังแดด กระจกในห้องโดยสารทุกด้าน สองสิ่งนี้ต้องมีคู่กัน ติดกันสาดก็จะแง้มกระจกได้ ช่วยระบายความร้อนภายในห้องโดยสารได้ ม่านบังแดด ก็จะช่วยให้ห้องโดยสารไม่ร้อนมากเกินไป
3. ใช้เต็นท์พับได้เป็นที่จอดรถ แต่ก็ต้องดูว่า สถานที่นั้นๆ ลมแรงหรือไม่ เพราะอาจจะพัดทำให้เต็นท์พัง หรือล้มทับรถ ครูด เป็นรอยได้ หรือไม่ก็ต้องใช้เสาเข็มช่วยยึด แต่เต็นท์พับได้ ไม่แข็งแรงมากนั จำเป็นต้องหาเสามาเสริม อาจจะใช้ไม้ไผ่ ไม้ยูคาก็ได้


4. ทำที่จอดรถ อาจจะทำง่ายๆ ก็ได้ ตั้งเสาปูนสี่ต้น มุงด้วยสแลนกันแดด ขึงให้ตึง กรณีลมแรง ลมจะวิ่งผ่านได้ อาจจะกันร้อนได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังดีเสียกว่า ไม่มีอะไรบังแดดเลย

 

สรุป

การปกป้องรถยนต์เพื่อให้คงสภาพสวยงาม อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพดี เป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อราคาเมื่อขายต่อ ซึ่งรถทุกคันก็จะต้องขายเมื่อถึงเวลาของมัน เช่น ไม่มีที่จอดรถ มีรถมากเกินไป ต้องการเปลี่ยนรถ ฯลฯ การพยายามปกป้อง ดูแลรักษาให้รถยังคงอยู่ในสภาพที่ดี ไม่เพียงขายรถได้ราคา แต่ก็จะช่วยลดค่าซ่อมสีและตัวถังหลักหมื่นบาทในอนาคต หากคิดจะใช้กันยาวๆ จนพังไปข้าง

 

บางคนอาจจะคิดว่า ก็แค่รถ จะไปสนใจอะไรให้มากมาย สำหรับคนไม่เคยมีรถ ไม่เคยขายรถแล้วราคาตกมากๆ จนปวดใจ เพราะรถอยู่ในสภาพไม่สวย โดนกดราคาหนักๆ เป็นเรื่องปวดใจยิ่งนัก แต่หากเคยขายรถที่มีสภาพดี ขายได้ราคา ขายง่าย แล้วจะเข้าใจว่า การดูแลรถนั้น เป็น เรื่องสำคัญอย่างมาก