ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคน ที่ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ ไม่สามารถสั่งสอนอะไรได้ สมองไม่ดี หรือเป็นคนที่มีความขี้เกียจมากไม่คิดจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ คน ประเภทนี้บางทีก็จะเรียกว่า บัวในตม อย่าไปเสียเวลาสอนสั่งอะไร ไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่า

ตัวอย่าง :

คนบางคนมีสติปัญญาไม่ดี ความจำไม่ดี เรียนรู้ได้ช้า เป็นพวก บัวในตม ปัญหาแบบนี้อาจเกิดกับบางคน แต่ก็ขอให้เป็นคนดี ก็ พอแล้ว เพราะคนไม่ฉลาดหลายคน ไม่เก่ง ไม่น้อยก็ประสบ ความสำเร็จได้

ความมีทิฐิยึดมั่นถือมั่นหรือเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ก็ อาจทำให้บางคนกลายเป็นพวก บัวในตม ไม่สามารถสอนสั่งอะไร ได้ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ เพราะมีความอคติในบางเรื่อง ใจไม่ เปิดไม่ยอมรับ ไม่ได้มีปัญหาทางสมองแต่อย่างใด เมื่อมีอคติใน เรื่องบางอย่างจึงไม่ยอมเรียนรู้ ไม่ยอมที่จะรับฟังหรือทำความเข้า ใจกับเรื่องที่ตันไม่ชอบ ผู้เขียนเคยมีปัญหาเรื่องการซื้อที่ดิน จึง เกลียดเรื่องนี้มาก และจะไม่ยอมรับฟังเรื่องนี้ หรือศึกษาทำความ เข้าใจ ปิดหูปิดตา ไม่รับรู้

คนประเภทนี้มีอยู่รอบตัวเราไม่น้อยเลย ที่ไม่ควรเสียเวลา ไป ปรับเปลี่ยนไปสอนสั่งอะไร ควรรอให้ถึงเวลาของเขาเอง ก็จะเกิด การเรียนรู้และเปลี่ยนตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครไปสอนสั่ง บางคนนั้นกลัวว่าตัวเองจะดูด้อยกว่าผู้อื่นจึงไม่ยอมที่จะรับฟัง ความคิดของใครความเห็นของใครหรือไม่ชอบให้ใครมาสอน

บางคนรู้ตัวว่า ไม่ฉลาดเรียนไม่เก่ง เป็นเหมือนพวก บัวในตม จึงเลือกที่จะทำงานส่วนตัวทำสวน ทำไร่ แทนที่จะเรียนต่อใน ระดับสูงเหมือนคนอื่น แม้จะใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย แต่ก็มี โอกาสประสบความสำเร็จในการงานเร็วกว่าคนที่เรียนสูง จบ ปริญญาตรี ปริญญาโทหรือปริญญาเอก เพราะตัวเองได้เริ่มลง มือทำงาน ตั้งแต่เรียนจบ จึงสร้างอาชีพได้เร็วกว่า เพื่อนๆ กว่าจะ เรียนจบ และเริ่มต้นทำงาน ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี แต่ตัวเองไป ไกลกว่าแล้ว

คนแบบนี้มีมาก ที่ประกอบอาชีพธรรมดาทั่วไป แต่ก็ร่ำรวย เพราะใช้ชีวิตไม่ซับซ้อน เมื่อคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ฉลาด ก็จะมี ความระมัดระวังในการใช้ชีวิต การใช้จ่าย ชีวิตในบั้นปลาย ก็จะ ไม่ลำบาก