ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่ทำอะไรเกินฐานะของตนเอง  พยายามทำตามแบบอย่างคนที่ มีฐานะ ร่ำรวย เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง การกระทำแบบนี้ก็ย่อมจะสร้างความเดือดร้อนตามมาเป็นเรื่องธรรมดา หากรวยไม่จริง เหมือนคนรวย

ตัวอย่าง :

บางคนแต่งงานโดยจัดงานแต่งใหญ่โต ตามอย่างลูกหลานคนรวย โดยไม่ดูฐานะตนเอง ทำให้เกิดปัญหาการเงินตามมา เห็น ช้างขี้ขี้ตามช้าง ทำอะไรเกินตัว เกินฐานะของตนเองก็ย่อมจะเดือดร้อนเป็นธรรมดา เพราะการแต่งงานของคนรวยนั้น บางครั้งก็ อาจไม่ได้ลงทุนมากอย่างที่คิด เนื่องจากบรรดาคนรวยก็ต้องคบคนที่มีฐานะร่ำรวยเหมือนกันการให้ความช่วยเหลือกัน การใส่ ซอง ให้ของขวัญต่างๆ มักจะได้เงินมาช่วยเหลืองานแต่งที่มากกว่าคนจน ในขณะที่คนจนนั้น ก็อาจจะมีแต่เพื่อนฝูงที่ไม่ได้มีฐานะ ไม่ได้ร่ำรวย

ดังนั้นจำนวนเงินที่ใส่ซองในงานแต่ง ก็ย่อมจะน้อยกว่าการแต่งงานของลูกหลานคนรวย ในต่างจังหวัด บางทีชาวบ้านใส่ซองแค่ หลักร้อย ในขณะที่การแต่งงานของคนที่มีฐานะมากขึ้นการใส่ซอง อาจเป็นเงินเป็นหลักหมื่น หรือมีเพื่อนฝูงที่มีหน้าที่การงานดี แค่เพื่อนฝูง 10 กว่าคน เฉพาะเงินใส่ซองก็หลักแสนเข้าไปแล้ว

ในขณะที่อีกสังคมหนึ่งอาจจะต้องรวบรวมซองจำนวนมาก กว่าจะได้เงินถึงหลักแสน ดังนั้นการที่คนรวยจัดพิธีงานมงคลใหญ่โต ก็ใช่ว่าจะใช้จ่ายเงินมากอย่างที่คิด อย่างการแต่งงานของเพื่อนผู้เขียนบางคนนั้น เฉพาะเงินค่าซองจากเพื่อนๆ ไม่กี่สิบคน ก็ เกือบจะถึงแสนบาทแล้ว แค่ซองจากญาติบางคน ก็หลักแสนเข้าไปแล้ว นี่คือความแตกต่างของการแต่งงานของคนมีฐานะ มี ความร่ำรวย ซึ่งไม่ควรเรียนแบบถ้าหากไม่รู้ ว่าความจริงมันเป็นเช่นไร เพราะจะทำให้เจ็บตัว

เพื่อแสดงถึงความมีหน้ามีตา บางคนชอบทำอะไรเกินตัว หรือบางทีก็คบคนที่มีฐานะสูงกว่าตนเองจึงจำเป็นต้องทำตัวหน้า ใหญ่ ทัดเทียมกับเพื่อนฝูง เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง ถ้าหากรายได้ไม่ได้มากมายนัก ถ้าการเงินไม่ดีนัก ก็ย่อมจะเกิดปัญหาเดือดร้อน ตามมาอย่างแน่นอน

การเป็นตัวของตัวเอง ใช้จ่าย ใช้ชีวิต คบคน ให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเองจึงย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะคนรวยอาจมี พฤติกรรมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดือดร้อนแต่อย่างใด แต่ในขณะที่คนที่มีฐานะด้อยกว่าอาจจะเกิดปัญหาการเงิน หากใช้จ่ายแบบนั้น เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง การคบคนที่มีฐานะใกล้เคียงกันหรือมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงกันจึงย่อมจะเป็น เรื่องที่ดีกว่า ซึ่งคนรวยบางคนนั้น ก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กลับใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็สามารถที่จะคบหากันได้ ต่างคนต่างก็มีสไตล์ ชีวิตในแบบของตัวเอง เป็นเพื่อนคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไป

การทำอะไรตามคนรวย ย่อมมีโอกาสเกิดปัญหาเดือดร้อนทางการเงินตามมา เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง บางคนเห็นคนรวยออก รถหรูราคาหลักล้านบาทก็ทำตาม อยากมีหน้ามีตาบ้างโดยไม่ดูฐานะของตัวเอง จนเกิดความเดือดร้อนเกิดปัญหาตามมา

วิธีใช้เงินของคนจนและคนรวยนั้นต่างกัน คนจนเมื่อได้เงินก้อนมา ก็จะคิดหาวิธีใช้เงิน ให้หมดไปโดยไม่เกิดผลตอบแทน กลับมา เช่น นำเงินไปซื้อสิ่งของเพื่อสนองความสุขของตัวเอง มีเงินน้อย ก็ซื้อของที่มีมูลค่าน้อย อย่างโทรศัพท์มือถือ ของ ฟุ่มเฟือยทั่วไป แต่หากมีเงินมากก็จะใช้จ่ายไปกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงมากขึ้นอย่างรถยนต์

ในขณะที่คนรวยนั้น เมื่อได้เงินมาเป็นก้อนก็จะคิดหาวิธีนำเงินนั้นไปลงทุนไม่ว่าจะเป็นเงินหลักพัน หลักหมื่น หลักแสนหรือ หลักล้าน ไม่ได้คิดที่จะนำเงินต้นนั้นไปใช้จ่าย เงินต้นที่ได้มาจะต้องอยู่ครบ แต่จะพยายามคิดหาวิธีนำเงินไปลงทุนให้เกิดผล กำไรตอบแทนแล้วจึงนำผลกำไรนั้นมาใช้จ่าย

การทำแบบนี้ก็จะทำให้คนรวย มีเงินใช้โดยไม่มีวันหมด อย่างเช่น ได้เงินมาหลักล้านบาทบางคน เน้นนำเงินไปซื้อบ้าน คอนโด ที่อยู่อาศัย เพื่อปล่อยให้เช่า เงินค่าเช่าที่ได้ก็จะเอามาใช้จ่าย เงินต้นก็จะเหลือ ไม่หายไปไหน แต่จะแปรรูปเป็นบ้าน ซึ่งในอนาคต ทรัพย์สินเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ขายเมื่อไรก็มีโอกาสรวยยิ่งขึ้น ซึ่งต่างจากคนจน ซึ่งเน้นเอาเงินไปซื้อรถยนต์ หรือใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย เงินก็จะหมดไปเรื่อยๆ

ะเมื่อคุณรวยบริหารเงินจนเกิดผลกำไรแล้ว เงินที่ได้จากการลงทุนนั้นก็จะเป็นเงินที่ไม่มีวันหมด ใช้อย่างไรก็ไม่หมด ทุกสิ้นเดือน ก็จะได้เงินกลับมาเหมือนเดิมเช่นจากค่าเช่า จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารหรือการนำไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว การทำอะไรตามคนรวย เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง ก็จะไม่เจ็บตัว เพราะรู้วิธีการใช้เงินแบบคนรวย เงินก็จะไม่มีวันหมด สักวันก็จะ กลายเป็นช้างได้เหมือนกัน