ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงความผิดพลาดของคนเรา หรือสัตว์ ซึ่งแม้จะเดิน 4 เท้า 4 ตีน ก็ยังมีโอกาสล้มได้ สีตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง นับประสาอะไรกับคนฉลาด ก็มีโอกาสผิดพลาดได้เหมือนกัน ซึ่งอาจจะเกิดจากความประมาท หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ตัวอย่าง :

กามีความรู้ เก่ง หรือชำนาญในเรื่องใดๆ ก็ตาม ก็มีโอกาสผิดพลาดในเรื่องนั้นเป็นธรรมดาด สีตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ลิงปีนป่ายต้นไม้เก่งมาก แต่ก็ยังมีวันตกต้นไม้ หากเผลอไปปีนต้นไม้ กิ่งไม้ที่เปราะมาก บางคนเก่งในเรื่องกฏหมาย ก็ยังพลาดพาตัวเองไปติดคุก แม้จะมีความรู้ในเรื่องกฏหมายอย่างดีมากก็ตาม บางคนเก่งเรื่อง งู ก็ยังตายเพราะ งู ได้เช่นกัน คนเก่งเรื่องอะไร ก็มักจะพลาดในเรื่องนั้น เป็นเรื่่องปกติ

แม้จะเก่งเพียงใด ก็มีโอกาสผิดพลาด หากประมาท สีตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ลิงปีนต้นไม้เก่ง แต่ประมาท ก็ตกต้นไม้ได้ คนเก่ง คนฉลาด ก็มีวันผิดพลาดได้ โดยเฉพาะการทำงานใหญ่ มีรายละเอียดปลีกย่อยมาก ก็ย่อมจะมีโอกาสพลาดเป็นเรื่องธรรมดา

ความเมา หรือการอยู่ในสภาพที่ไม่มีสติ ก็ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ สีตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง คนขับรถเก่งมาก ผ่านประสบการณ์ขับรถโชคโชน หลักล้านกิโลเมตร ก็มีโอกาสเกิดอุบัติจากรถได้ เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงต้องรู้จักตัวเอง สภาพของตัวเอง มีความสมบูรณ์ทางร่างกายและจิตใจมากน้อยเพียงใด เมื่อจะต้องทำงาน หรือทำเรื่องที่มีความสำคัญ เพื่อป้องกันความผิดพลาด

เมื่อมีการกระทำ การลงมือทำเรื่องใดก็ตาม ความผิดพลาดในการทำงาน ก็ย่อมจะเกิดขึ้นตามมาเป็นปกติ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ตามที ก็มีโอกาสพลาดได้เช่นกัน สีตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ในเรื่องนี้ แม้แต่คนที่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้เช่นกัน อย่างการเจ็บป่วย เพราะไม่ทำอะไร ไม่ออกกำลังกาย กินๆ นอนๆ เมื่อพบว่า คนรอบตัว ได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาด ก็ไม่ควรตำหนิ หรือพูดถึงความผิดพลาดนั้นอยู่บ่อยๆ เพราะจะสร้างปัญหาตามมา อย่างคนรอบตัว คนใกล้ชิดกัน คู่ครอง สามีภรรยา หากหยิบเรื่องผิดพลาดมาพูดถึงบ่อยๆ ก็มักจะทำให้ผิดใจกัน จึงถึงขึ้นเลิกรากันได้