ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่ช่างคิด ช่างเพ้อฝัน ชอบ สร้างวิมานในอากาศ อยากได้ อยากมีอยากเน ในสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้ เป็นได้แค่เพียงความฝัน เช่น ตื่นเช้ามาก็มีคนเอาเงินทองมาให้ พ่อแม่ถูกล็อตเตอรี่ร่ำรวย ไม่ต้องทำการทำงาน

ตัวอย่าง :

ก่อนจะประสบความสำเร็จ บางคนก็อาจจะ สร้างวิมานในอากาศ ฝันอยากได้อยากมี อยากเป็น จากนั้นก็จะลงมือทำความฝันให้เป็นจริง ซึ่งคนแบบนี้มีไม่มาก ส่วนใหญ่จะมีแต่คนที่ไม่สามารถได้ในสิ่งที่ฝัน หรืออยากได้ เพราะมีแต่ความอยากได้ อยากให้เป็น แต่ไม่มีการลงมือทำให้ประสบความสำเร็จ

วิมานในอากาศเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับที่อยู่ของเทวดา เป็นที่อยู่ที่ลอยอยู่ในอากาศ มีความสบาย แต่สำหรับคนเราแล้ว มันเป็นเรื่องเพ้อฝัน คิดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเอาแต่ สร้างวิมานในอากาศ ไม่ลงมือทำตามความฝัน ก็ยากจะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม

หากเป็นคนที่ชอบคิด ชอบเพ้อฝัน เป็นพวกชอบ สร้างวิมานในอากาศ อยากเป็นนั่น อยากได้นู่น อาจจะดูเป็นคนเหลวไหลในความคิดของคนอื่น แต่การมีความฝัน บางทีก็อาจจะเปลี่ยนความคิดในอากาศให้สามารถจับต้องได้ อย่างการเขียนนิยาย เรื่องสั้น ก็เริ่มพื้นฐานจากการคิด การเพ้อฝัน แล้วเรียบเรียงเป็นนิยาย เป็นหนังสือ เป็นสินค้าที่จับต้องได้ สักวัน ก็จะสามารถสร้างวิมานได้จริงๆ อย่างแน่นอน

การอยู่คนเดียวต้องระวังความคิด เพราะความคิดของคนเรา ชอบปรุงแต่ง เฟ้อฝันไปเรื่อย บางคนก็ชอบคิด สร้างวิมานในอากาศ หากตามความคิดไม่ทัน ก็จะทำให้เป็นทุกข์ บางคนชอบคิดอยากรวย อยากเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือแอบชอบคนมีเจ้าของแล้ว ก็คิดไปไกล ฝันไปไกล อย่างนั้นอย่างนี้ ความคิดก็เริ่มไปไกล มีความสุขเหมือนได้สิ่งนั้น ได้เป็นอย่างนั้นจริง แต่สักพักก็จะเริ่มเศร้า เริ่มเป็นทุกข์ เมื่อพบว่า มันก็แค่ความคิดแค่นั้น ความคิดแบบนี้ มีโอกาสเกิดกับเราได้ทุกวัน จึงต้องตามความคิดให้ทัน ต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง ซึ่งไม่มีอะไรที่เราจะได้มาโดยไม่ต้องลงมือทำ ความสำเร็จกับความฝันที่ยิ่งใหญ่ก็เช่นกัน