ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงวิธีการแก้ปัญหา ซึ่งมักจะพูดถึงสำนวนนี้อยู่เสมอ นั่นก็คือการ การคิดหาทางแก้ปัญหา หรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานั้นซ้ำอีก วัวหายล้อมคอก วัวถูกขโมยไปแล้ว หรือแอบหนีไปแล้ว จึงคิต จะทำคอกวัว ปัญหาเกิดขึ้นแล้วจึงคิดจะทำหาทาแก้ไข เรื่องแบบนี้ก็เป็นปกติของคนเรา หากไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น การใช้ชีวิต หรือการกระทำบางอย่างของบางคนก็ยังคงเป็นพฤติกรรมที่เสียงต่อไป

ตัวอย่าง :

ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน หรือรู้ว่าเหตุร้าย หรือปัญหาใดๆ ที่จะเกิดขึ้นมานั้น มีอะไรเป็นสาเหตุ เราจึงไม่คิดหาทาง ป้องกันไว้ก่อน แต่พอเกิดปัญหานั้นๆ ขึ้นมาแล้ว จึงได้คิดหาทางป้องกัน เหมือน วัวหายล้อมคอก ปกติเมื่อถึงเวลาเข้านอนแล้ว วัวจะไม่หายไปไหน หากไม่มีโจรขโมยมาลักวัว แต่เพราะชะล่าใจ ว่าไม่มีโจร จึงไม่ทำคอก เมื่อวัวหายจึงเริ่มคิดทำคอก เหมือน ปัญหาบางอย่าง หากยังไม่เกิด คนส่วนใหญ่ก็จะไม่หาทางป้องกัน

คนมีประสบการณ์ชีวิตมาก ผ่านโลกมามาก ก็จะรู้ว่าการทำแบบนั้น แบบนี้ จะมีปัญหาหรือเรื่องเดือดร้อนอะไรตามมาบ้าง ก็จะหาทางป้องกันไว้ก่อน ไม่รอให้เกิดปัญหา เกิดความเสียหาย เหมือน วัวหายล้อมคอก เกิดปัญหาแล้วจึงคิดหาทางแก้ไข เช่น การจอดรถในบ้านซึ่งพื้นที่เป็นทางลาดเอียง รถมีโอกาสไหล ก็จะทำหลังเต่าหรือหาไม้มากั้นล้อรถไว้ไม่ให้รถไหล หากลืมใส่ เบรคมือ

ในชีวิตของคนเรานั้น ล้วนมีปัญหามากมายที่อาจจะเกิดความเดือดร้อน หรือสร้างปัญหาตามมา เพราะความไม่รู้ของคนเรา จึงเป็นเรื่องยากในการหาทางป้องกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ปัญหาแบบ วัวหายล้อมคอก เมื่อมีเรื่องไม่ดี หรือเกิดความเดือด ร้อนจากบางอย่าง จึงจะเริ่มหาทางป้องกัน อย่างเด็กนักเรียนชอบปีนรั้วโรงเรียนก็ติดกล้องวงจรปิดไว้ เพื่อบันทึกภาพเป็นหลัก ฐาน

การพยายามหาทางป้องกันปัญหาไว้ก่อน อาจจะไม่ใช่เรื่องดี ในบางกรณี อย่างการสอนประสบการชีวิตหรือสอนการทำงานให้ลูกหลาน การปล่อยให้เจอปัญหา และแก้ไขดัวยตัวเอง จะช่วยเพิ่มทักษะในเอาตัวรอด จะไปทำเป็น วัวหายล้อมคอก หาทางป้องกันไปหมดทุกเรื่อง กลัวลูกหลานจะได้รับอันตราย จะได้รับบาดเจ็บ แบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องดี เด็กจะไม่มีประสบการณ์ชีวิต เพราะโตมาแบบสบายๆ เหมือนหินในไข่ ย่อมจะอ่อนแอต่อโลก เอาตัวรอดได้ยาก