ความหมาย : สำนวนนี้ใช้พูดถึง การทำความผิดแล้วขอโทษภายหลัง ตบหัวกลางศาลาขอขมาที่บ้าน โดยมาขอ โทษเงียบๆ ที่บ้าน แต่ตอนก่อเหตุกลับทำในที่สาธารณะให้ได้รับความเจ็่บช้ำทั้งกายและใจอย่างมาก

ตัวอย่าง :

การ ตบหัวกลางศาลาขอขมาที่บ้าน หรือทำให้ใครสักคนต้องได้รับความเจ็บปวด ทั้งกายและใจต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าผู้คน ก็ควรจะ ขอโทษต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่แอบไปขอโทษที่บ้าน สำหรับคนที่ได้รับผลจากการกระทำจึงอาจจะไม่ยอมรับการขอโทษ

การทำความผิด หรือทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน สำหรับบุคคลสำคัญ ผู้กระทำความผิดมักจะต้องขอโทษด้วยการลงประกาศโฆษา ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ เช่น การกล่าวหากันทางการเมือง เพราะการ ตบหัวกลางศาลาขอขมาที่บ้าน จะไม่มีคนรับรู้ ทำให้สังคมยังเกิด ความเข้าใจผิด หรือคิดว่าคนๆ นั้นเป็นคนไม่ดี ตามที่ถูกกล่าวหา

ก่อนจะทำอะไรทีทำให้คนอื่นเดือดร้อน โดยเฉพาะในที่สาธารณา จำเป็นต้องคิดให้รอบคอบ ตบหัวกลางศาลาขอขมาที่บ้าน การขอ โทษในลักษณะนี้ ยากจะได้รับการยกโทษ เพราะหากไม่มีหลักฐาน ก็มักจะทำให้เดือดร้อนภายหลัง เช่น ถูกศาลสั่งให้ขอโทษโดยลง ประกาศในหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการประกาศเป็นจำนวนเงินไม่น้อย และทำให้ตนเองเสียชื่อเสียงไปด้วย นักการเมืองมักจะทำ แบบนี้ กับคู่แข่งทางการเมือง