ความหมาย : สำนวนนี้มีความหมายเดียวกับเคราะห์ร้าย หรือโชคร้าย หรือ ซวย นั่นเอง ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคนเรามีโอกาสเจอเรื่องร้ายๆ เป็นปกติ มีดีมีร้าย สลับกันไป ไม่มีใครจะโชคดีตลอดไป และ โชคร้ายตลอดไปเช่นกัน

ตัวอย่าง :

เรื่องไม่ดี เคราะห์หามยามร้าย อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตของคนเราเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แม้จะพยายามรับมืออย่างไร บางทีก็ยาก จะหลีกเลี่ยง เช่น อาจจะมีเคราะห์จากอุบัติเหตุ การเงิน ภัยธรรมชาติ อะไรก็เกิดขึ้นได้

การหาทางป้องกัน เคาะห์หามยามร้าย ไม่ให้เกิดกับตัว อาจจะไม่ง่าย แต่ทางพุทธศาสนาของเรา ก็แนะนำให้หมั่นทำบุญ แผ่ส่วน บุญ ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร หมั่นทำความดี แม้จะเกิดเหตุร้ายใดๆ ก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ ซึ่งก็จะเป็นแบบนั้นจริงๆ ดัง

การใช้ชีวิตบนความไม่ประมาทย่อมจะช่วยป้องกัน เคราะห์หามยามร้าย ที่อาจจะเกิดกับเราได้ หรือลดความรุนแรงได้ เพราะมี กิจกรรม สิ่งที่จะต้องทำรอบตัวเรามากมายที่อาจจะทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิด แม้จะอยู่ในบ้านของเราเอง ก็อาจจะหกล้มในห้องน้ำ หัว แขก แขนหัก สะโพกร้าว การออกนอกบ้าน อาจะมีอุบัติเหตุจากรถ หรือแม้แต่การนอนก็อาจจะผิดท่าทำให้กระดูสันหลังมีปัญหาได้เช่นกัน

บางคนเมาหลับบนเตียงนอนที่สปริงบนที่นอนเสีย ซึ่งอยู่ในตำแหน่งใต้หมอนรองกระดูกสันหลัง จึงเคลื่อนออกจากตำแหน่ง และกดทับเส้นประสาทต้องผ่าหมอนรองกระดูก เหตุร้ายต่างๆ พร้อมจะเกิดขึ้น หมั่นฝึกสติ คิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ล่วงหน้า ก็จะช่วยป้องกันเหตุร้ายได้ในระดับหนึ่ง

บางคนนั่งอยู๋ในบ้านดีๆ ลูกปืน ตกใส่หลังคาบ้าน ตายก็มี เคาะห์หามยามร้าย อาจจะเกิดได้ทุกเมื่อ ยากจะคาดเดาเหตุล่วงหน้า