หากสุขอนามัยในช่องปากของเราสะอาด เหงือกและฟันไม่มีปัญหา ไม่อักเสบ ไม่มีหินปูน ไม่มีคราบอาหาร ฟลัค ฯลฯ จะใช้ยาสีฟันแบบใด ก็แทบไม่ต่างกัน แต่การใช้ยาสีฟันที่มีคุณสมบัติช่วยระงับการทำงานของแบคทีเรียได้ ก็จะช่ยลดกลิ่นได้ดีมากยิ่งขึ้น ดีกว่ายาสีฟันธรรมดา ตื่นเช้ามา ไม่มีกลิ่นปาก แม้จะยังไม่แปรงฟัน

 

ปัญหาเรื่องกลิ่นปากเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะกลิ่นไม่เพียงทำให้ตัวเองมีปัญหา แต่ทำให้คนรอบข้างมีปัญหาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันกับบุคคลอื่น ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เสียบุคคลิก ซึ่งก็สามารถป้องกันได้ ด้วยการดูแลสุขภาพเหงือกและฟันให้สะอาด ไม่มีปัญหาอักเสบ 

 

ยาสีฟันมีหลายแบบ หลายยี่ห้อ คุณภาพ คุณสมบัติก็ต่างกันไป เมื่อสุขภาพเหงือกและฟันดีแล้ว การทดสอบใช้แบบใดแบบหนึ่ง ก็ย่อมจะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า เช่น ยาสีฟันธรรมดา มีเกลือหรือฟลูออไรซ์ เท่านั้น กับยาสีฟันที่มีสารยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียในช่องปาก อยากผู้เขียนจะใช้แค่คอลเกตโททอล 12 ชั่วโมงก็เอาอยู่แล้ว สำหรับการแปรงฟันตามปกติทุกวัน โดยใช้งานร่วมกับไหมขัดฟัน ตะขอเหล็กไว้ขูดคราบอาหารแบบที่หมอฟันใช้ เพียงแค่นี้ ก็หายห่วงมีความมั่นใจมากขึ้น

 

หากสุขภาพเหงือและฟันดี การใช้ยาสีฟันธรรดา ไม่มีผลอะไร ไม่มีกลิ่นปากรบกวน ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปใช้ยาสีฟันแพงๆ ให้เสียเงินเปล่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูและเหงือกและฟันดังที่กล่าวมา ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน และที่ขูดหินปูนว้ขูดคราบอาหาร เศษอาหาร อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ไม่ค่อยเห็นนอกจากในห้างใหญ่ในเมือง แต่ทุกวันนี้เราสามารถสั่งซื้อได้ไม่ยากผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ ส่งถึงประตูบ้านแถมค่าส่งฟรีอีกด้วย

 

เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อยาสีฟันทุกประเภท

1. สุขภาพเหงือกและฟันต้องดีก่อน สะอาด ไม่มีปัญหาเรื่องเหงือกอักเสบ เป็นหนองข้างใน หรือ มีเศษอาหารเกาะแน่นตามคอฟัน (คราบขาวเหลืองเหนียว ลองขูดออกมาดม จะเหม็นมาก ตัวการทำให้เกิดกลิ่นปาก) ทำให้เกิดกลิ่นปาก แม้จะเพิ่งแปรงฟันก็ตาม เมื่อไม่มีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน การทดลองหรือทดสอบใช้ยาสีฟันแต่ละแบบ จึงจะรู้ผลที่แน่นอน ว่าคุณภาพดีมากน้อยต่างกันอย่างไร เรื่องนี้สำคัญ เพราะมีโฆษณาแนะนำสรรพคุณยาสีฟันที่ดี ราคาสูงกว่ายาสีฟันทั่วไป แต่หากเหงือกและฟันมีปัญหา ก็ไม่ช่วยอะไร เสียเงินเปล่า จึงต้องรู้ให้เท่าทัน เสียเงินแล้ว ไม่ได้ผล เพราะไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าปัญหากลิ่นปากเกิดจากอะไร

 

2. ยาสีฟันดีๆ เทพๆ เพียงใด ไม่สามารถช่วยทำให้เหงือกและฟันของเรามีสุขภาพดี เพราะการดูแลเหงือกและฟันจะต้องมีอุปกรณ์อื่นมาร่วมด้วยช่วยกัน เช่น แปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน และที่ขูดหินปูนไว้ขูดคราบอาหาร เศษอาหารตามรากฟัน ซอกฟัน แล้วก็ยังมีน้ำยาบ้วนปาก แต่ก็ไม่จำเป็นหากเหงือกและฟันไม่มีปัญหา ไม่มีคราบฟัน ไม่มีฟลัค ก็ยากจะมีกลิ่นสร้างมลพิษทางกลิ่น ทำให้เสียบุคลิก

 

3. แปรงสีฟันดีๆ ส่งผลในการทำความสะอาดเช่นกัน ขนแปรงที่เล็ก นุ่มจะซอกซอนไปตามซอกฟันและร่องเหงือกได้ดี ค่อยๆ กดให้ขนแปรงเข้าไปในระหว่างร่องเหงือกกับฟัน จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้มากยิ่งขึ้น แต่จะไม่สามารถขจัดเศษอาหารที่เกาะแน่นตามคอฟัน การใช้แปรงขนแข็ง ก็จะทำให้คอฟันสึก


4. การใช้ที่ขูดหินปูน ขูดคราบอาหาร จะทำความสะอาดได้ดีตามซอกฟัน ร่องระหว่างฟันแต่ละซี่ แต่การทำความสะอาดคราบฟลัคที่เกาะแน่นรอบคอฟัน จะไม่สามารถทำได้ เหนียวมาก ต้องจัดการด้วยไหมขัดฟัน ซึ่งควรทำทุกอาทิตย์ ไม่ปล่อยให้คราบอาหารสะสมนาน จนจับตัวแข็งกลายเป็นหินปูน

 


5. การใช้ไหมขัดฟัน จะช่วยขจัดเศษอาหารที่เกาะแน่นเหนียวๆ ตามคอฟัน รอบคอฟัน โดยเฉพาะซี่ในๆ ที่แปรงสีฟันไม่สามารถทำความสะอาดได้ หรือการใช้ที่ขูดหินปูนก็ไม่สามารถทำได้ 6. การใช้น้ำยาบ้วนปาก หากปากสะอาด ฟัน และ เหงือก ไม่มีปัญหา เรื่องอักเสบ น้ำยาบ้วนปาก ก็จะยิ่งช่วยได้ดี แต่หากฟันและเหงือกมีปัญหา ก็อาจจะช่วยได้ไม่นาน

 

 

หากเข้าใจในเรื่องของสุขภาพเหงือกและฟัน ตลอดจนการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกันอย่างดีแล้ว คราวนี้ปัญหากลิ่นปากก็ยากจะมารบกวนนั่นเอง แต่การดูแลสุขภาพปากและฟัน หลายคนขี้เกียจ ใช้แค่การแปรงฟันอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถทำความสะอาดได้มากนัก เศษอาหารจะค่อยๆ สะสมที่คอฟันและกลายเป็นหินปูนในอนาคต ยิ่งการแปรงลวกๆ เร็วๆ ด้วยแล้ว ยิ่งสะสมเร็ว จนกว่าจะมีกลิ่นปากนั่นแหละ จึงจะเริ่มดูแลตัวเอง เพราะเริ่มเกิดความไม่มั่นใจ เมื่อจะต้องติดต่อสนทนาพูดคุยกับผู้คน