ในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษเพื่อสนทนากัน การใช้สรรพนามว่า เขา หรือ He เป็นอีกคำที่ค่อนข้างบ่อยในการแต่งประโยค เพราะเวลาสนทนากัน ก็มักจะมีหลายคน และจะต้องมีการกล่าวถึงบุคคลที่สาม ซึ่งนอกจาก He แล้วก็จะมี She/หล่อนหรือเธอ ซึ่งการ แต่งประโยคจะคล้ายๆ กัน ต่างกันแค่ He กับ She เท่านั้นเอง

 

ประโยคภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วย He หรือ เขา... มีเยอะมาก และเวลาสนทนากับชาวต่างชาติ เราก็มักจะใช้ประโยค He/เขา.. หรือ She/หล่อน เพื่อกล่าวถึงบุคคลที่ 3 เพราะในวงสนทนา ไม่ใช่จะแค่เพียงสองคน หรือแต่ละคนก็จะมีเพื่อนฝูง การกล่าวถึงเพื่อนผู้ชาย (He) และเพื่อนผู้หญิง (She) ก็จะต้องใช้คำกริยาให้ถูกต้อง ตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ ก็น่าจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถนำไปแต่งประโยคได้ หลายแบบ

 

การใช้ He/ฮี/เขา เบื้องต้น

การแต่งประโยคขึ้นต้นด้วย He/ฮี หรือเขา จะเป็นประโยคที่ต้องใช้อยู่บ่อยๆ ในการสนทนา คำว่า He เป็นคำสรรพนามแทนชื่อ บุคคลที่สามที่เรากล่าวถึง เช่น เขาสบายดีไหม หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง ในการสนทนากันนั้น เราอาจจะไม่ระบุชื่อ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็น ใครหรือหมายถึงใคร การระบุชื่อจะทำให้ประโยคยาวเกินไป เพราะบางชื่อก็ยาว และเรียกยาก มีกิ๊กหลายก็เรียก หนู ให้หมดทุกคน ง่ายดี

 

การใช้ He/ฮี/เขา เบื้องต้น

การแต่งประโยคขึ้นต้นด้วย He/ฮี/เขา จะเป็นประโยคที่ต้องใช้อยู่บ่อยๆ ในการสนทนา คำว่า He เป็นคำสรรพนามแทนชื่อผู้ที่เรา สนทนาด้วย เช่น เขาต้องไปแล้วนะ เขาเป็นครู เขากินข้าวแล้ว เขา...

 

วิธีใช้งาน He พื้นฐาน จะใช้ He + กริยาที่ต้องการ เช่น
He walks along this road.
ฮี วอล์กสฺ อะลอง ดิส โร้ด
เขาเดินไปตามถนนเส้นนี้ การใช้คำกริยานั้น จะต้องเติม s และออกเสียง ซึ หรือเอสสี ต่อท้ายด้วย เช่น วอร์กสี ถัานึกไม่ออก ก็ลองออก เสียง Yes เยสสี คนนี้คนไทยเราออกเสียงได้ดีอยู่แล้ว การใช้งานพื้นฐาน คำกริยา ต้องเติม s จาก run/รัน ก็เป็น runs/รันสึ

 

คำกริยามีเยอะมาก เช่น กิน เดิน วิ่ง กระโดด อาบน้ำ นอน คลาน ไป พบ ทิ้ง ตะโกน ฯ,ฯ อยากแต่งประโยคว่า เขา/He หรือ หล่อน/She ทำอะไร ก็จับมาใส่หลังคำว่า He/She ได้เลย เพื่อแต่งประโยคได้ตามใจชอบ แต่กรณีที่มีความหมายเป็นเรื่องที่เป็นปัจจุบัน ขณะนี้ เวลานี้ วันนี้ ต้องเติม s หรือออกเสียง เอส ด้วยอย่าง He run/ ฮี รัน ก็เป็น He runs/ฮี รันสึ ออกเสียงเอส หลังคำกริยารันหรือ วิ่งด้วย

 

ทุกวันนี้เราใช้มือถือกันเป็นส่วนมาก แนะนำให้ติดตั้งแอป ดิกชันนารี อังกฤษ-ไทย Thai English Dictionary Bravolol - Language Learning แอปนี้ดีมากๆ เราสามารถค้นหาคำที่ต้องการ เช่น เรียนหรือ learn/เลิน ก็จะมีทั้งตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษและการออก เสียง ซึ่งสามารถแต่งประโยคได้ง่ายๆ ด้วยการนำมาต่อหลัง He อย่าง

He learns cooking.
ฮี เลินสฺ คุ๊กกิ้ง
เขา เรียน ทำอาหาร เป็นต้น คำว่า เลิน ต้องออกเสียง เอส ท้ายคำด้วย

 

การใช้ He ตาม Tense /เท้นสฺ

การแต่งประโยคขึ้นต้นด้วย He หรือ เขา ตามกาลหรือ Tense/เท้นสฺ ซึ่งจะแยกเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต การพูดถึงเรื่องราว ในอดีต ก็ต้องแต่งโปรโยคโดยใช้คำกริยาให้ถูกต้อง ซึ่งคำกริยาจะมี 3 แบบ หรือเรียกว่า 3 ช่องที่จะต้องใช้ให้ถูกต้อง เช่น

 

อดีต He learned coooking
He เลินดฺ คุ้กกิ้ง
พูดถึงเรื่องในอดีต

เขาเคยเรียนทำอาหาร แต่ปัจจุบันไม่ได้เรียนแล้ว จบคอร์สแล้ว

 

ปัจจุบัน He learns cooking.
ฮี เลินสฺ คุ๊กกิ้ง
เขา เรียน ทำอาหาร

พูดถึงเรื่องในปัจจุบัน อาจจะวันนี้ เวลานี้ ยังทำอยู่

 

อนาคต He will learn cooking.
ฮี วิล เลิน คุ๊กกิ้ง
เขา จะ เรียน ทำอาหาร

พูดถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต อาจจะพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า ปีหน้า

 

การใช้ He ตาม Tene / เท้นสฺ ไม่ยาก ต้องศึกษาการเปลี่ยนคำกริยาให้เป็นอดีตซึ่งจะใช้การเดิม ed และคำกริยา 3 ช่อง แต่หาก ไม่มีพื้นฐานมาก่อน จะใช้คำกริยาที่มีความหมายว่าปัจจุบัน ชาวต่างชาติก็พอจะเข้าใจ เพราะคนไทยเราไม่มีประโยคในลักษณะนี้ การ พูดว่า เขาเรียนทำอาหาร เราก็พูดเหมือนๆ กัน

 

ตัวอย่างการเติม ed สำหรับคำกริยา กรณีเป็นการเล่าเรื่องในอดีต เช่น
learn /เลิน/เรียนรู้ เป็นคำกริยาที่หมายถึงปัจจุบัน หรือเรียกว่า V1 คำกริยาช่องที่ 1
learned /เลินดฺ/เรียนรู้ เป็นคำกริยาที่หมายถึงอดีต หรือเรียกว่า V2 เป็นคำกริยาช่องที่ 2 หรือ V3 เป็นคำกริยาช่องที่ 3

 

ศึกษา สรุปการใช้ Tense ภาษาอังกฤษ ตัวอย่างประโยค คำอ่าน คำแปล คลิกที่นี่

 

การใช้ He กับ Verb to Be เขาเป็น.. เขาอยู่.. เขาคือ...

Verb to be จะมีหลายแบบ เช่น is, am, are, was, were และ been สำหรับ เขา/ He หรือ หล่อน/She จะใช้กับ is/อีส และ was/ เวิส
การใช้เขาหรือ He กับ Verb to Be /เวิร์บทูบี จะใช้บ่อยมาก ในวงสนทนา โดยอาจจะพูดถึงหรือนินทาเพื่อนบางคน โดยจะใช้ในความ หมายดังนี้

การพูดถึงสิ่งที่เป็นปัจจุบันเรื่องในเวลานี้ ทุกวันนี้ ขณะนี้

เขาเป็น.. เช่น He is smart
ฮี อีส สมาร์ท
เขา เป็น คนเก่ง ฉลาด

 

เขาอยู่.. เช่น He is here with me. ฮี อิส เฮีย วิธ มี
เขา อยู่ ที่นี่ อยู่กับฉัน

 

เขาคือ...เช่น He is a new manager of this company.
ฮี อีส อะ นิว เมเนเจอะ ออฟ ดิส คัมพานี
เขาคือผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทนี้

ขณะนี้ก็ยังทำงานอยู่ เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน เป็นเรื่องปัจจุบัน

 

การพูดถึงเรื่องที่เป็นอดีตผ่านมาแล้ว ไม่ได้ทำอีกแล้ว

เขาเป็น.. เช่น He was a teacher.
ฮี เวิส อะ ทีเช่อะ
เขา เคย เป็น ครู

เป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นแล้ว ลาออกแล้ว

 

เขาอยู่.. เช่น He was at home.
ฮี เวิส แอท โฮม
เขา ได้ อยู่ ที่ บ้าน

เป็นเรื่องในอดีต อาจจะสนทนา เกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำเมื่อวาน ใครทำอะไรอยู่ที่ไหน

เขาคือ...เช่น He was a new manager of this company.
ฮี เวิส อะ นิว เมเนเจอะ ออฟ ดิส คัมพานี
เขาคือผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทนี้

ณ เวลานั้น ในอดีต เคยเป็น เคยทำงานที่บริษัทนี้ แต่ปัจจุบันลาออกไปทำงานที่บริษัทอื่นแล้วหรือเกษียณแล้ว

 

การใช้ He กับ Been/บีน จะใช้ในความหมายว่าเคย...

He has been there for 3 hours.
ฮี แฮส บีน แดร์ ฟอร์ ทรี อาวเออะสฺ
เขาได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

จะใช้ has สรรพนาม He หรือ She/ชี/หล่อน ก็ใช้ has เหมือนกัน ส่วน Have ใช้กับ I, You, We และ They
แต่ขณะที่พูดนั้น ไม่ได้อยู่แล้ว หากเทียบกับภาษาไทยเราแล้ว อาจจะเป็นการสนทนากันเกี่ยวกับการเดินทางไปสถานที่ใดๆ อาจจะเป็น การจัดงาน นิทรรศการ อาจจะเล่าให้พังว่า มีเพื่อนของตน บางคนได้ไป โดยเขาได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ก็จะพูดด้วยประโยคใน ลักษณะนี้ แต่ขณะที่พูด ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว อาจจะเป็นช่วงเวลาก่อนเที่ยง

 

การใช้ He กับ Verb to Have เขามี.. เขาได้..แล้ว

ประโยคขึ้นด้วยด้วย เขา /He กับคำกริยา Have/แฮฟ หมายถึง เขามี หรือเขาได้ .. เช่น

 

การใช้ He กับ have ในเรื่องที่เป็นปัจจุบัน

การใช้ในความหมายว่า เขามี..
He has two cats.
ฮี แฮส ทู แคทซฺ
เขามีแมวสองตัว จะใช้ has สรรพนาม He หรือ She/ชี/หล่อน ก็ใช้ has เหมือนกัน ส่วน Have ใช้กับ I, You, We และ They

 

การใช้ในความหมายว่า เขาได้กระทำ กรณีนี้จะใช้ have เป็นกริยาช่วย จะไม่แปลว่า ได้มี
He has been there for 3 hours.
ฮี แฮส บีน แดร์ ฟอร์ ทรี อาวเออะสฺ
เขาได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

ในกรณีนี้จะแปลว่า เขาได้กระทำอะไร ซึ่งก็คือ เขาได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง อาจจะนัดกัน แล้วมีเพื่อนบางคนไปรออยู่นานแล้ว เช่น ไปรออยู่ 3 ชั่วโมง เป็นต้น จะใช้ has + กริยาช่องที่ 3 ในความหมายว่า ได้กระทำ เคยกระทำ

 

He has drunk coffee.
ฮี แฮส ดรัง คอฟฟี่
เขาได้ดื่มกาแฟ
แต่ขณะที่พูดไม่ได้ดื่มแล้ว อาจจะดื่มไปเมื่อเช้า drunk เป็นคำกริยาช่อง 3 ของ drink แปลว่า ดื่ม

 

การใช้ He has + กริยาช่องที่ 3 จะใช้ในความหมายว่า ได้ทำสิ่งนั้นๆ ไปแล้ว ภายในวันนั้น หรือขณะที่พูด ก็ไม่ได้ทำอีกแล้ว ประโยคที่เราจะใช้บ่อยๆ เช่น การพูดว่า เขาได้ทำสิ่งนั้นไปแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ทำ เขาเคยไปที่นั่นแล้ว แต่ฉันยังไม่เคย

 

อาจจะเติม already มีความหมายว่า แล้ว เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ขึ้น
He has eaten breakfast already. But I have eaten only some fruit.
ฮี แฮส อีทเท่น เบรกฟัสทฺ ออลเรดดี. บัท ไอ แฮฟ อีทเท่น โอนลิ ซัม ฟรุต
เขาได้ทานอาหารเช้าแล้ว แต่ฉันกินผลไม้บ้างเท่านั้น (เลยไม่อยู่ท้อง ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว) He/She ใช้กับ has ส่วน I ใช้กับ have

 

การใช้ He กับ have ในเรื่องที่เป็นอดีต ผ่านไปแล้ว

กรณีนี้จะใช้ในความหมายว่า เขาเคยมี เช่น
He had two dogs.
ฮี แฮด ทู ด้อกซฺ
เขาเคยมีสุนัขสองตัว

แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่ได้เลี้ยงอีกแล้ว ต้องการแต่งประโยคเรื่องที่ผ่านมาว่าเคยมีอะไร ใช้ He had +สิ่งที่เคยมี

 

การใช้ในความหมายว่า เขาได้กระทำ หรือเคยกระทำ เรื่องใดๆ ในอดีต เช่น
He had deleted my phone number yesterday.
ฮี แฮด ดีลีทเท็ด มาย โฟน นัมเบอร์ เยสเทอเดย์
เขาได้ลบหมายเลขโทรศัพท์ของฉันเมื่อวานนี้

ประโยคนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นอดีตได้กระทำอะไร ให้ใช้ He had + คำกริยาช่องที่ 3

 

การใช้ He กับ Verb to Do เขาทำ...

ประโยคขึ้นด้วยด้วย เขา /He หรือหล่อน /She กับคำกริยา Do /ดู หมายถึง เขาทำ หรือเขาเคยทำ.
การใช้ Heและ Do พูดถึงสิ่งที่เป็นปัจจุบัน วันนี้ เวลานี้ ขณะนี้
He do the homework.
ฮี ดู เดอะ โฮมเวิร์ค
เขาทำงานบ้าน

อยากแต่งประโยคว่า เขาหรือหล่อนทำอะไร ให้ใช้ He do +คำนาม.

 

การใช้ He และ Do พูดถึงสิ่งที่เป็นอดีต เรื่องเมื่อวาน หรือวันที่ผ่านมา

He did the homework
ฮี ดิด เดอะ โฮมเวิร์ค
เขาทำงานบ้าน อาจจะพูดถึงเรื่องที่เคยทำกันในอดีต เขาเคยทำงานบ้าน ส่วนฉันก็เคยทำอาหาร เป็นต้น

 

การใช้ Do เพื่อเน้นถึงความรู้สึก เช่น
He love her.
ฮี เลิฟ เฮอ
เขารักหล่อน

การพูดว่า เขารักใคร เราอาจจะพูดแบบนี้ เป็นประโยคที่คนไทยรู้จักดีอย่างแน่นอน กับคำว่า เลิฟ เพราะเมืองไทยเป็นดินแดนแห่งความ รัก เราจึงใช้คำนี้บ่อยมาก

 

He do love her.
ฮี ดู เลิฟ เฮอ
เขารักหล่อนจริงๆ

เป็นการเน้นว่า รักมาก รักจริงหวังแต่งเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่แค่ เขารักหล่อนเฉยๆ

 

อะไรก็ตามที่รู้สึกว่า ชอบมาก หลงไหลมาก อยากจะพูดออกไป ให้ใช้ He do + คำกริยา v1 เขา...มาก

 

การใช้ He กับ Can, Could เขาสามารถ...

การใช้ He กับ Can หรือ She กับ can จะใช้ในความหมายว่า เขาสามารถกระทำอะไรได้บ้าง เขาสามารถ....
การใช้ He can จะใช้ในการพูดเรื่องที่เป็นปัจจุบัน
He can drive a car.
ฮี แคน ไดรฟฺ อะ คาร์
เขาสามารถขับรถได้

 

อยากจะชมใครสักคน ชมลูกหลาน เพื่อนฝูงในความเก่ง เขาสามารถทำอย่างนั้นได้ ทำอย่างนี้ได้ โอ้! เขาเก่งมาก ก็สามารถแต่ง ประโยคง่ายๆ ด้วยการใช้ He can + คำกริยาช่องที่ 1 หากเป็นผู้หญิงก็ใช้ She can + คำกริยาช่องที่ 1

 

การใช้ He could เขาสามารถ.. ใช้เล่าเรื่องที่เป็นอดีต

He could drive when He were ten.
ฮี คู้ด ไดรฟฺ เว้น ฮี เวอ เทน
เขาสามารถขับรถได้ตั้งแต่เขามีอายุสิบขวบ

อาจจะเป็นการสนทนากันเรื่องการขับรถ แล้วบังเอิญว่า มีลูกหลาน หรือเพื่อนบางคนที่เก่งมาก สามารถขับรถได้ตั้งแต่สิบขวบ ก็จะแต่ง ประโยคแบบนี้ ใช้ He could + คำกริยาช่องที่ 1

 

การใช้ He กับ Will, Would เขาจะ...

การใช้ He will... จะใช้ในความหมายว่า เขาจะ... เป็นการใช้ในความหมายถึง การจะทำอะไรในอนาคต

 

He will get a new car tomorrow.
ฮี วิล เก็ด อะ นิว คาร์ ทูโมโรว์
เขาจะได้รับรถใหม่ในวันพรุ่งนี้ การพูดถึงใครบางคนว่า เขาหรือหล่อนจะทำอะไร จะได้อะไร จะเป็นอะไร จะ... อะไร ให้แต่งประโยคง่ายๆ ด้วย He will คำกริยาช่อง 1 หรือ She will + คำกริยาช่อง 1

 

การใช้ He กับ Shall, Should เขาจะ และเขาควรจะ....

การแต่งประโยคที่ขึ้นต้นด้วย He shall จะใช้ในความหมายว่า เขาจะ... คล้าย He will
He shall be there tomorrow.
ฮี ชอลล บี แดร์ ทูโมโร
วันพรุ่งนี้เขาจะอยู่ที่นั่น

อาจจะเป็นการสนทนาในเรื่องการเดินทาง พรุ่งนี้เขาจะไปถึงตรงนั้น เขาจะไปอยู่ตรงนู้น ณ สถานที่นั้นๆ

 

การใช้ He should has + กริยาช่องที่ 3 ในพูดในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ไม่ได้ทำ หากเปรียบเทียบกับภาษาไทยเราแล้ว จะเป็นการพูด ในลํกษณะการโทษตัวเองมากกว่า ว่าควรจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอย่างนั้นอย่างนี้ตามมา แต่ก็ไม่ได้ทำ
He should has told her the truth before she left.
ฮี ชู้ด แฮส โทล เฮอ เดอะ ทรูธ บีฟอร์ ชี เลฟทฺ
เขาควรจะบอกความจริงกับเธอก่อนที่เธอจะจากไป เขาควรจะทำแต่ก็ไม่ได้ทำ จะใช้ประโยคในลักษณะนี้

 

การใช้ He กับ May, Might เขาอาจจะ...

การใช้ He may/ฮี เมย์ หรือ He might /ฮี ไม๊ธฺ ในความหมายว่า เขาอาจจะ หรือ She may หล่อนอาจจะ

 

การใช้ He may /ฮี เมย์
He may arrive at noon.
ฮี เมย์ อะไรฟฺ แอท นูน
เขาอาจจะมาถึงตอนเที่ยง ก็ได้นะ ถ้ามาช่วงนั้น อาจจะได้เจอกัน

 

หากต้องการแต่งประโยคที่ขึ้นต้นด้วย เขาอาจจะ ก็ใช้ He may + คำกริยาช่อง 1 ได้เลย การใช้ may เป็นการคาดคะเนในสิ่งที่มี โอกาสเกิดขึ้น และแน่ใจว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน

 

He might be there.
ฮี ไมธฺ บี แดร์
เขาอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้นะ คาดคะเนแบบไม่แน่ใจว่า เขาอยู่ที่นั่นหรือไม่ พูดลอยๆ

 

การใช้ might /ไมธฺ ใช้ในกรณีที่เป็นการคาดคะเนในเรื่องนั้นๆ แต่ไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดขึ้นขึ้นหรือไม่ การพูดในสิ่งที่ไม่แน่ใจแบบนี้ เราก็พูดกันบ่อยๆ สำหรับประโยคภาษาไทยของเราเอง เช่น มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ ฝนอาจจะตกก็ได้ สิ่งที่คิดอาจจะถูกก็ได้ เป็นต้น

 

การใช้ He กับ Must, Have to เขาต้อง...

การใช้ He must จะใช้ในความหมายว่า เขาต้อง... เขาต้องการจะทำอะไร ก็ใช้ He must + คำกริยาช่องที่ 1

 

He must clean the toilet.
ฮี มัสทฺ คลีน เดอะ ท้อยเหล็ด
เขาต้องทำความสะอาดห้องน้ำ

ประโยคในลักษณะนี้ เป็นการบอกให้ทำ หรือเป็นการสั่ง หรือหน้าที่ที่จะต้องทำ การแต่งประโยคแบบอื่น ก็ใช้ He must + คำกริยาช่อง 1 ที่ต้องการได้เลย

 

He has to clean the toilet.
ฮี แฮส ทู คลีน เดอะ ท้อยเหล็ด
เขาต้องทำความสะอาดห้องน้ำ

การใช้ has to/แฮฟ ทู จะมีความหมายว่า จะต้องทำ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะห้องน้ำสกปรกมาก จะต้องทำความสะอาด เพราะวันนี้นัด เพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้าน ไม่ทำไม่ได้ หากต้องการพูดว่า จะต้องทำเรื่องใดจริงๆ หลีกเลี่ยงไม่กระทำไม่ได้ ให้ใช้ has to + คำกริยาช่องที่ 1

 

การใช้ He กับ Need เขาจำเป็นต้อง

การใช้ He need ใช้ในความหมายว่า เขาจำเป็นต้อง... หรือเขาต้องการ...

 

He needs money to buy food.
ฮี นี๊ดส มันนี่ ทู บาย ฟู่ด
เขาต้องการเงินเพื่อซ์้ออาหาร

การอ่านคำว่า นี๊ดส ออกเสียง เอส สั้นๆ ด้วยเช่นกัน ประธานเป็น He /She คำกริยาต้องเติม s
ต้องการอะไร ก็ใช้ He needs หรือ She needs + คำกริยาช่องที่ 1 การใช้ need เป็นความหมายว่า จำเป็นต้องมีสิ่งนั้น เพราะสำคัญ ต่อการดำรงชีวิต

 

He needs to eat breakfast.
ฮี นี้ดสฺ ทู อีท เบรคฟัสทฺ
เขาจำเป็นต้องกินข้าวเช้านะ (เพราะสายแล้ว หิวแล้ว)

การใช้ need /นี้ด พูดถึงสิ่งที่จะต้องทำ จะใช้ He needs to + คำกริยาช่องที่ 1 สิ่งที่จำเป็นต้องทำ (อาบน้ำ, แปรงฟัน, เข้านอนเร็ว, พักผ่อน ฯลฯ)

 

การใช้ He กับ Dare เขากล้าที่จะ...

การใช้ He dares จะหมายถึง เขากล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง ก็ระบุลงไป ถัดจาก He dares + คำกริยาช่องที่ 1 (เดินคนเดียว, ขับ รถคนเดียว,
จับสัตว์ แมลงมีพิษ กล้าบอกความจริง ฯลฯ)
He dares to tell her/Sarah the truth.
ฮี แดร์ ทู เทล เฮอ เดอะ ทรูธ
เขากล้าที่จะบอกความจริงกับหล่อน/ซาร่า

He dares ต้องมี s ต่อท้าย dare เพราะประธาน He หรือ She เป็นเอกพจน์ ต่างจาก I, You, We, They จะใช้ dare ไม่ต้องมี s

 

หากต้องการพูดประโยคภาษาอังกฤษว่า เขากล้าทำอะไร ให้ใช้ He dare to + คำกริยาช่องที่ 1
He dares to catch the snake ฮี แดร์ ทู แคช เดอะ สะเน้ก
เขากล้าจับงู เก่งจริงๆ หรือ She dares to catch the snake หล่อนกล้าจับงู

 

การใช้ He กับ Ought to เขาควรจะ...

การใช้ He ought to .. / ฮี ออธ ทู ใช้ในความหมายว่า เขาควรจะ โดยมีโครงสร้างประโยค He ought to + คำกริยาช่องที่ 1
He ought to travel by bus.
ฮี ออธ ทู ทราเวิล บาย บัส
เขาควรจะเดินทางโดยรถประจำทาง

เพราะสะดวกกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่น การแต่งประโยคแบบนี้ไม่ยาก โดยจะเป็นการแนะนำ ว่า เขาควรจะทำแบบนั้น แบบนี้

 

การใช้ He กับ Used to เขาเคยทำ... .ในอดีต

การใช้ He used to... จะหมายถึง เขาเคยทำอะไรบางอย่างในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว

 

He used to run in the morning.
ฮี ยูส ทู รัน อิน เดอะ มอร์นิง
เขาเคยวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า

(แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว เพราะต้องทำงานแต่เช้า เขาเลยต้องเปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเย็น)

 

การใช้ He กับ Be used to เขาเคยชินกับการ...

การใช้ He กับ be used to จะใช้ในความหมายว่า ฉัยเคยชินกับการกระทำอะไรบางอย่าง โดยจะเปลี่ยนจาก be เป็น is เพื่อใช้กับ He เพราะประธานเป็นเอกพจน์มีคนเดียว การใช้ She จะใช้แบบเดียวกัน She is used to + คำกริยาช่องที่ 1.

 

He is used to run in the morning.
ฮี อิส ยูส ทู รัน อิน เดอะ มอร์นิ่ง
เขา เคยชินกับการวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า

การใช้ประโยคในลักษณะนี้ อาจจะเป็นการสนทนาเรื่องการออกกำลังกาย เมื่อก่อนเขาเคยชินกับการออกกำลังกายตอนเช้า แต่ทุกวันนี้ ไม่ได้ทำแล้ว เพราะเข้างานแต่เช้า เลยต้องเปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเย็นแทน ก็เลยต้องปรับตัวยังไม่ชิน บลาๆๆ

 

การใช้ He กับ Get used to เขาเริ่มชินกับ

การใช้ He gets used to... จะใช้ในความหมายว่า เริ่มชินกับสิ่งใหม่ที่ได้ทำ หรือหลังจากการเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง เพื่อจะทำ อะไรบางอย่าง

 

He gets used to run in the evening.
ฮี เก็ทสฺ ยูส ทู รัน อิน เดอะ อีฟนิ่ง
เขาเริ่มชินกับการวิ่งออกกำลังกายตอนเย็น

จากเมื่อก่อนจะวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า แต่เพราะงานใหม่ต้องตื่นแต่เช้า จึงไม่มีเวลา หลังจากได้เปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเย็น ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว เริ่มชินกับการทำอะไรใหม่ๆ ก็ใช้ He gets used to + คำกริยาได้เลย

 

การใช้ He กับ intends to เขาตั้งใจจะ...

การใช้ He intends to... ในความหมายว่า เขาตั้งใจจะกระทำเรื่องอะไร ทำเรื่องนั้น เรื่องนี้ เป็นประโยคที่เรามักจะพูดอยู่บ่อยๆ ใน ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า He intends to ฮี อินเทนดฺ ทู + กริยาช่องที่ 1

 

He intends to get up early.
ฮี อินเทนดสฺ ทู เก็ท อัพ เออลิ
เขาตั้งใจจะตื่นนอนแต่เช้า

ปกติ Intend จะไม่มี s แต่ประธาน He เป็นเอกพจน์ จะต้องเติม s การใช้ She ก็เช่นกัน
อาจจะสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องการนอน เขาตั้งใจจะตื่นตอนแต่เช้า แต่หากเขายังนอนดึก ก็คงเป็นเรื่องยาก

 

การใช้ He กับ Almost เขาเกือบจะ

การพูดว่า เขาเกือบ เขาแทบ หรือ He were almost /ฮี เวอ ออลโมสทฺ... หรือ He almost / ฮี ออโมสทฺ + กริยาช่องที่ 2 เป็น ประโยคที่พูดบ่อยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องในอดีต ตัวอย่างประโยคเช่น

 

He was almost the winner.
ฮี เวิส ออลโมสท เดอะ วินเนอร์
เขาเกือบได้เป็นผู้ชนะ
อาจจะเป็นการเล่าเรื่องในอดีต ว่าเขามีโอกาสเป็นผู้ชนะ แต่ไม่ชนะ ก็จะใช้ He หรือ She was almost + คำนามหรือเขาศัพท์ เช่น อ้วน ผอม รวย ซวย โชคดี

 

He was almost bitten by dogs.
ฮี เวิส ออลโมสทฺ บิทเท่น บาย ด้อกสฺ
เขาเกือบถูกสุนัขรุมกัด ใช้คำว่า He were almost + คำกริยาช่องที่ 3

 

He almost forgot.
ฮี ออลโมสทฺ ฟอร์ก็อท
เขาเกือบลืม
คำกริยา ลืม/forgot/ฟอร์ก็อท เป็นกริยาช่องที่ 2 ของ forget /ฟอร์เก็ต แปลว่า ลืม หลัง almost ส่วนใหญ่จะเป็นคำกริยาช่อง 2 เพราะมักจะกล่าวถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และเกือบจะพลาด เกือบจะไม่ได้ทำสิ่งนั้น ยกเว้นเรื่องที่เกิดในวันเดียวกัน ใช้คำกริยาช่องที่ 1

 

หากต้องการพูดว่า เขาเกือบทำอะไรลงไป เขาเกือบไม่ได้ทำ เขาเกือบ... ให้ใช้ He almost + กริยาช่องที่ 2 ศึกษาได้จากคำกริยา 3 ช่อง

 

He almost missed the big match.
ฮี ออลโมสทฺ มิสเสด เดอะ บิ๊ก แมชเช่อะ
เขาเกือบจะพลาดรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่

 

การใช้ He กับ Merely He is merely + คำคุณศัพท์

การพูดประโยคในความหมายว่า เขาแค่ หรือเขาเพียงแค่ จะใช้ He are merely + คำคุณศัพท์ หรือ He merely + คำกริยา

 

He is merely unlucky.
ฮี อีส เมียหลิ อันลักกี้
เขาเพียงแค่ไม่มีโชคเท่านั้น
แต่งประโยคง่ายๆ ด้วย He is merely + คำคุณศัพท์ (lonely) ตัวอย่างคำคุณศัพท์เช่น สี ขนาด ลํกษณะภายนอก อ้วน ผอม สวย หล่อ สถานการณ์ เขาสมบัติ (ดี ชั่ว)

 

He merely looks pale.
ฮี เมียหลิ ลุ้คสฺ เพล
เขาเพียงแค่ดูอ่อนเพลียเท่านั้น ไม่ได้ป่วย อาจจะนอนน้อย
แต่งประโยคไม่ยาก ใช้ He merely +คำกริยา (look) + คำคุณศัพท์(pale)

 

การใช้ He แต่งประโยค ขอให้ใครทำอะไร

การพูดว่า ขอให้ใคร...ทำอะไร (Have+บุคคล+กริยาช่อง 1) หรือขอให้ใคร...ทำอะไร (Ask+บุคคล+to+กริยาช่อง 1)

 

He has Tom repair my bicycle.
ฮี แฮส ทอม รีแพร์ มาย ไบซิเคิ่ล.
เขา ให้ ทอม ซ่อม รถจักรยานของฉัน

การแต่งประโยคในลักษณะ ขอให้ใครทำอะไร ให้ใช้ She หรือ He has + ชื่อคน + คำกริยาช่องที่ 1 + สิ่งที่ต้องการให้ทำ

She has me clean the toilet.
ชี แฮส มี คลีน เดอะ ทอยเหล็ด
หล่อน ให้ ฉัน ทำความสะอาด ห้องน้ำ

 

He asks Sarah to do the housework.
ฮี อาสคฺส ซาร่า ทู ดู เดอะ เฮาสะเวิร์ค
ฉันขอร้องให้ซาร่าทำงานบ้าน

 

การใช้ He + Verb to Be ในความหมายว่าถูกกระทำ

การแต่งประโยคว่า เขาถูกระทำ... หรือ ถูกทำให้เสียหาย จะใช้ He were + คำกริยาช่องที่ 3 เช่น

 

He was bitten by dogs.
ฮี เวิส บิทเท่น บาย ด้อกซฺ
เขาถูกสุนัขหลายตัวกัด

โดนใครทำอะไร แต่งประโยคไม่ยาก He หรือ She was + คำกริยาช่องที่ 3

 

การใช้ him เขา ใช้ในความหมายเป็นกรรม ...him

การใช้เขาหรือ Heทำหน้าที่เป็นกรรม จะใช้ him ส่วนผู้หญิงจะใช้ her
The dog bites him.
เดอะด็อกไบเซอะฮิม
สุนัขกัดเขา

เขา /him/ฮิม ทำหน้าที่เป็นกรรม bites /ไบเซอะ/กัด เขา/him/ ถ้าผู้ถูกสุนัขกัดเป็นผู้หญิงจะใช้ her/เฮอ

 

He learns cooking.
ฮี เลินสฺ คุ๊กกิ้ง
เขา เรียน ทำอาหาร

กรณีนี้ เขา/He ทำหน้าที่เป็นประธาน อยู่หน้าประโยคหรือหน้ากริยา เป็นผู้กระทำ ไม่ใช่ถูกกระทำ ซึ่งเป็นกรรม

 

การใช้ His/ฮีสหรือ ...ของเขา His ...

การใช้ His จะใช้ในความหมายว่า ของเขา ตามด้วยคำนามที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น His pen/ยัวเพ็น/ปากกาของเขา His pen is on a table.
ฮีส เพ็น อีส ออน อะ เทเบิ้ล
ปากกาของเขาอยู่บนโต๊ะ

การใช้คำว่า His pen ในประโยคนี้ จะทำหน้าที่เป็นประธาน หากเจ้าของปากกาเป็นผู้หญิงจะใช้ Her/เฮอ pen ปากกาของหล่อน

 

He takes Her pen.
ฮี เทกสฺ ยัว เพ็น
เขาหยิบเอาปากกาของหล่อนไป

คำว่า He จะทำหน้าที่เป็นประธาน ส่วน Her pen เป็นคำแสดงความเป็นเจ้าของ หล่อนเป็นเจ้าของ เป็นกรรมของประโยค

 

การใช้ His/Hers สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเขาหรือของหล่อน

My pen is red. Hers is blue.
มาย เพ็น อีส เรด. เฮอสฺ อีส บลู.
ปากกาของฉันคือสีแดง ปากกาของหล่อนคือสีน้ำเงิน

การใช้ Hers จะแทนความหมายว่า Her pen /เฮอส เพ็น เพื่อไม่ต้องกล่าวถึงซ้ำๆ Hers จะใช้สั้นๆ แทนความหมายว่า Her pen นั่นเอง กรณีผู้ชายเป็นเจ้าของจะใช้ his / His is blue

 

การใช้ Himself/Herself กระทำบางอย่าง....ด้วยตัวเอง

การใช้ Himself(ฮิมเซลฟฺ)/Herself(เฮอเซลฟฺ) จะใช้ในลักษณะอธิบายหรือพูดถึงการกระทำที่ได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง เช่น
He learn cooking by Himself.
ฮี เลิน คุ้กกิ้ง บาย ฮิมเซลฟ
เขาเรียนทำอาหารด้วยตัวเอง
ต้องการเล่าให้ใครฟัง ว่าใครทำอะไรด้วยตัวเอ งก็ต้องแต่งประโยคคล้ายกันแบบนี้ She/He +คำกริยา+by+Himself/Herself พูดถึง ผู้ชายก็ใช้ He กล่าวถึงผู้หญิงก็ใช้ She

 

บทความนี้ค่อนข้างยาวมากกกกก แต่หากใช้ความอดทนในการอ่านและทำความเข้าใจ ก็จะสามารถแต่งประโยคภาษาอังกฤษที่ขึ้น ต้นด้วยการใช้ สรรพนาม  เขา หรือ He /ฮี หรือ หล่อน/She/ชี ในการสนทนากับชาวต่างชาตินั้น การพูดถึงบุคคลที่ 3 อาจจะพูดบ่อยหรือไม่บ่อยก็ขึ้น อยู่กับว่า มีเพื่อนมากน้อยแค่ไหน มีเพื่อนเยอะ ก็มีเรื่องให้ชม หรือนินทามากหน่อย ก็จะมีเรื่องต้องพูดเยอะกว่า