ใช้งานช่วยทำงาน เป็นคำพูดที่ฟังดูดี และน่าสนใจ จริงๆ ก็มีมานานแล้ว เพียงแต่ในยุคนี้ ค่อนข้างเห็นผลอย่างชัดเจน วิธีใช้เงิน ช่วยทำงานแทนเรามีหลายแบบ ตั้งแต่ไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งๆ นอนๆ หรือทำบ้างเล็กน้อย หรือลงมือทำงานมากขึ้น หากหวังรายได้ที่ ค่อนข้างมาก

 



ใช้งานช่วยทำงาน1

 

การใช้เงินช่วยทำงานคืออะไร

การใช้เงินช่วยทำงาน จะเป็นการนำเงินไปทำอะไรก็ได้ แล้วมีผลตอบแทนกลับมา โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย หากเรามีเงินอยู่ 1,000,000 บาท เก็บไว้ในลิ้นชัก โดยไม่มีการใช้งาน ผ่านไป 1 ปี เงินก็เหลืออยู่เท่าเดิม แต่หากเรานำเงินไปซื้อสลากออมสินฝ่านไป 1 ปี อาจจะได้ดอกเบี้ยมีเงินเพิ่มเข้ามาในบัญชีประมาณ 6000 บาทขึ้นไป นี่คือตัวอย่างของการใช้เงินช่วยทำงาน เงินทำงานให้เราได้มาก ถึง 6000 บาท โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย

 

เปรียบเทียบการใช้เงินช่วยทำงานแบบต่างๆ

การใช้เงินช่วยทำงานมีหลายแบบ อยู่ที่ความถนัด ความกล้าเลี่ยงของแต่ละคน สมมุติว่ามีเงินอยู่ 1,000,000 บาท ก็จะมีโอกาสที่ เงินจำนวนนี้ทำงานให้ผลตอบแทนมากน้อยต่างกันไปเช่น
1. การนำเงิน 1,000,000 บาท ไปฝากธนาคารแบบออมทรัพย์ สิ้นปีก็จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 7,000 บาท หรืออาจจะน้อยกว่านี้
2. การนำเงิน 1,000,000 บาท ไปซื้อสลากออมสินของธนาคารออมสินมีโอกาสได้รับดอกเบี้ยมากกว่า 7,000 บาทต่อปี หรือเกิน 10,000 บาทต่อปี
3. การนำเงิน 1,000,000 บาท ไปเล่นหุ้น เน้นหุ้นปันผล มีโอกาสได้เงินปันผล 3-5% หรือประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อปี
4. การนำเงิน 1,000,000 บาท ไปปล่อยกู้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยตามที่กฏหมายกำหนด อาจจะได้ประมาณ 12,500 ต่อเดือน หรือ 150,000 บาทต่อปี
5. การนำเงิน 1,000,000 บาท ไปลงทุนทำบ้านเช่ารายวัน 10 ห้อง วันละ 500 บาท มีโอกาสได้เงิน 5,000 บาทต่อวัน หรือ 150,000 บาทต่อเดือนหรือ 1,800,000 ต่อปี
6. การนำเงิน 1,000,000 บาท ไปปล่อยกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหดๆ มีโอกาสได้เงินมากถึง 500,000 บาทต่อเดือน หรือ 6,000,000 บาทต่อปี เป็นต้น
7. การนำเงิน 1,000,000 บาทไปซื้อที่นาไว้สัก 50 ไร่ ให้เช่าทำนาไร่ละ 500 บาท ต่อปี ก็จะได้เงิน 25,000 บาทต่อปี เป็นต้น 

การนำเงินไปช่วยทำงาน จริงๆ มันก็คือการนำเงินไปลงทุนนั่นเอง เพียงแต่การลงทุนบางอย่าง ไม่ต้องทำอะไรมากนัก เช่น ฝาก ธนาคาร ไม่ต้องทำอะไรเลย สิ้นปีก็มีดอกเบี้ย แต่จะต้องมีเงินมากสักหน่อย เพื่อให้มีดอกเบี้ยมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน ควร จะมีเงินสัก 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อเดือนแล้วก็ประมาณ 7,000 บาท เป็นต้น

 

การหาเงินก้อนเพื่อนำมาลงทุนช่วยเราทำงาน

ปัญหาใหญ่ของการใช้เงินช่วยทำงาน ก็คือ การหาเงินก้อนจำนวนมากนั่นเอง ถ้าตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมีเงินจากดอกเบี้ยธนาคาร เดือนละ 7,000 บาทขึ้นไป ก็จะต้องหาเงินประมาณ 10,000,000 บาทไปฝากธนาคาร เป็นต้น ตัวอย่างแนวทางหาเงินกแบบต่างๆ เช่น 1. การเก็บเงิน ออมเงิน เป็นวิธีคลาสสิคที่เราใช้กันมาตั้งแต่โบราณอยู่แล้ว เช่น เก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท กว่าจะได้ครบ 10,000,000 ก็จะต้องใช้เวลาประมาณ 2,000 เดือน หรือ 166 ปี ชาตินี้คงจะไม่สำเร็จ ต้องเกิดแล้วตายไม่ต้องกว่า 2 รอบ 2. การทำเงินไปลงทุน จากที่คิดว่าจะเก็บเงินเดือนละ 5,000 ก็นำเงินจำนวนนี้ไปลงทุน เช่น ซื้อหุ้น ค้าขาย สมมุติว่า ได้กำไร ครั้งละ 5000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท ก็จะเห็นว่า โอกาสหาเงิน 10,000,000 ก็ลดระยะเวลาลงไป

การนำเงินไปลงทุน เป็นวิธีหาเงินก้อนใหญ่ที่เร็วกว่าการทำงานประจำ ถ้าสามารถหาเงินก้อนใหญ่ได้ โอกาสสบายเพราะเงินช่วย เราทำงานก็เร็วขึ้น แต่เรื่องนี้ค่อนข้างยากสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะไม่สามารถหักห้ามใจกับสินค้าต่างๆ ที่ยั่วยวนกิเลส รถยนต์รุ่นใหม่ มือถือรุ่นใหม่ กิ๊กหน้าใหม่ โอ้ยยยย เยอะ

 

การนำเงินไปลงทุน เป็นวิธีหาเงินก้อนใหญ่ที่เร็วกว่าการทำงานประจำ ถ้าสามารถหาเงินก้อนใหญ่ได้ โอกาสสบายเพราะเงินช่วย เราทำงานก็เร็วขึ้น แต่การนำเงินไปลงทุนก็มีความเสี่ยง สิ่งสำคัญมากกว่าการมีเงินลงทุนก็คือ ความรู้ รู้วิธีหาเงิน ถ้าไม่รู้วิธี ไม่รู้เทคนิค ก็ไม่มีทางหาเงินล้านได้เลย ซึ่งการหาเงินจำนวนมาก ก็มีช่องทางหลายวิธี บางคนทำเว็บไซต์ อย่าง lazada.co.th ทาง แจ็ค หม่า ได้ซื้อ กิจการไปแล้ว ในราคาประมาณสามหมื่นล้านบาท

 

อยากหาเงินล้าน ก็ต้องทำธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน การใช้วิธีเก็บเงิน ออมเงินไม่ทำให้รวย เมื่อไม่รวย เงินก็จะช่วยทำ งานได้ไม่มากนัก ได้ผลตอบแทนน้อยนั่นเอง แต่เรื่องนี้ค่อนข้างยากสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะไม่สามารถหักห้ามใจกับสินค้าต่างๆ ที่ ยั่วยวนกิเลส รถยนต์รุ่นใหม่ มือถือรุ่นใหม่ กิ๊กหน้าใหม่ โอ้ยยยย เยอะ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถใช้เงินช่วยทำงานได้ เพราะถูก ใช้หมดเสียก่อน



ใช้งานช่วยทำงาน2